‘สภาฯ ล่ม’ เปิดบันทึกนับองค์ประชุม สส. รายพรรค

สภาฯ ล่ม เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 66 เปิดบันทึกนับองค์ประชุม สส. รายพรรค มี สส. แสดงตนรวม 98 คน

และเมื่อลงไปในรายละเอียด สส.ที่ไม่แสดงตน พบว่า ‘ว่าที่รัฐมนตรี’ ใน โผ ‘ครม.เศรษฐา 1’ อยู่หลายคนด้วย อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว, นายสุทิน คลังแสง, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล, นายอนุทิน ชาญวีรกุล

สส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ในสภาฯ ปัจจุบันเหลือ 498 คน เนื่องจาก นายพืธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติ และ สส.เขต 3 ระยอง ลาออก อยู่ระหว่างจัดเลือกตั้งซ่อม

เปิดรายละเอียดบันทึกนับองค์ประชุม วันที่ 31 ส.ค. 66 คลิกที่นี่

หลัง สภาฯ ล่ม ซึ่งเป็นครั้งแรกของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ แกนนำของ สส. ได้แถลงข่าวกันอย่างดุเดือด

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สส.พรรคเพื่อไทย สส.พรรคภูมิใจไทย และ สส.พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกันแถลงข่าวโดยสรุปกล่าวว่าว่า ขออภัยพี่น้องประชาชนที่ตั้งตารอปัญหาเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร และขอโทษที่ไม่สามารถทำให้การพิจารณาญัตติดังกล่าวเสร็จสิ้น เนื่องจากมีการขอนับองค์ประชุม โดยเมื่อวานมีการเสนอญัตติจากฝ่ายค้าน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเห็นชอบและแจ้งให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อสอบถามความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

แต่ทางฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล และเพื่อนสมาชิกฯ พรรคอื่นๆ ลงมติเห็นชอบให้ดำเนินการตามวาระการประชุมเดิม เนื่องจากมีความเห็นว่าเรื่องที่บรรจุในวาระพิจารณาลำดับก่อนหน้านั้นมีความสำคัญและเร่งด่วนต่อการแก้ปัญหาให้เกษตรกร อีกทั้งเรื่องการทำประชามติจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีการดำเนินการในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีความเห็นว่ากลไกที่พรรคร่วมฝ่ายค้านในอดีตเคยเสนอการทำประชามติต่อสภาไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง จึงควรเสนอญัตติต่อสภาเพื่อส่งไปยังรัฐบาลต่อไป

สำหรับการเสนอญัตติในวันนี้ไม่ใช่การเสนอญัตติเกี่ยวกับกฎหมาย แต่เป็นปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จึงไม่ควรนำมาเป็นเรื่องทางการเมือง และหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย จะถือว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านทำในวันนี้เป็นสิ่งที่ชอบธรรม แต่ประเด็นเกี่ยวกับความเดือดร้อนของประชาชนทุกคนควรเห็นชอบ โดยพรรคร่วมรัฐบาลยืนยันว่าจะมีการเสนอญัตติดังกล่าวใหม่ในสัปดาห์หน้า และจะพิจารณาให้แล้วเสร็จเพื่อเสนอต่อรัฐบาลโดยเร็วที่สุด และจะไม่ทำให้สภาในสมัยนี้ล่มอีกต่อไป

ด้าน นายปิยรัฐ จงเทพ และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล พร้อมคณะ แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่พรรคก้าวไกลเสนอนับองค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากเห็นว่าความเดือดร้อนของประชาชนในญัตติ นี้ต้องเข้าสู่การพิจารณาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. 66 ซึ่ง สส.พรรคก้าวไกลก็ประสงค์จะอภิปรายกันหลายคน และปรากฏว่าไม่ครบองค์ประชุม จึงต้องปิดประชุมไป

นายวิโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า พรรคก้าวไกล มีความห่วงใยต่อเกษตรกร และได้ เล็งเห็นความสำคัญของความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรทั้งประเทศ ซึ่งสส.พรรคก้าวไกลเองก็มี สส.ที่เตรียมอภิปรายกันหลายคน ในความเป็นจริงแล้วที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรควรจะมีการพิจารณาตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่ในขณะที่กำลังพิจารณาญัตติดังกล่าว สังเกตในห้องประชุมแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นผู้เสนอ เหลือสมาชิกฯ อยู่ไม่มาก พรรคก้าวไกลจึงเสนอนับองค์ประชุม แล้วองค์ประชุมมีเพียง 96 คน พรรคก้าวไกลเองนั่งในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรกันครบ 150 คน แม้จะเป็นองค์ประชุมให้ทั้ง 150 เสียง แต่ก็ยังไม่ครบองค์ประชุม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่มีความห่วงใยประชาชนอย่างจริงจัง ซึ่งองค์ประชุมอยู่ในการดูแลของพรรคร่วมรัฐบาล

ขณะที่ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.พรรคภูมิใจไทย และคณะ แถลงข่าวว่า ได้มีการอภิปรายการแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำไปแล้ว 1 ญัตติ จากทั้งหมด 11 ญัตติ แต่มี สส.จากพรรคก้าวไกล เสนอขอให้นับองค์ประชุม มีสาเหตุมาจากการขอเลื่อนญัตติของพรรคก้าวไกลไม่สำเร็จหรือไม่ อีกทั้งตั้งข้อสังเกตว่า ญัตติทั้ง 11 ญัตติ ไม่มีของพรรคก้าวไกลเลยแม้แต่ญัตติเดียว เป็นการสะท้อนบทบาทของผู้แทนราษฎรได้อย่างแท้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า องค์ประชุมไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่เป็นหน้าที่ของสมาชิกฯ ทั้งหมด และสส.พรรคก้าวไกลก็อยู่ในห้องประชุมทั้งหมดแต่ไม่ยอมนับเป็นองค์ประชุม อย่างไรก็ตามต้องขอโทษพี่น้องประชาชนที่ไม่สามารถเสนอญัตติตามที่สัญญาได้ แต่ครั้งต่อไปจะไม่ประมาทต่อเกมการเมืองเช่นนี้อีกแล้ว

สภาฯ ล่มครั้งแรกของสภาฯ ชุดนี้ หลัง ‘ก้าวไกล’ ขอนับองค์ประชุม ขณะ สส.พลังประชารัฐ เสนอญัตติแก้ปัญหาราคากุ้ง