Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงกรณีเกิดเหตุยิงรถบัสรับส่งนักเรียนค่ำวันที่ 10 กันยายน 2563 ยอมรับผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่อาสาทหารพราน แต่เกิดจากปัญหาส่วนตัวไม่ใช่ปัญหาความมั่่นคง ยืนยันดำเนินคดีทางอาญาและลงโทษทางวินัยไม่เข้าข้างคนผิด เบื้องต้นได้ปลดออกจากราชการแล้ว โดยนับเป็นครั้งที่ 2 ของปี 2563 ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่หยิบปืนสำหรับปฏิบัติหน้าที่มายิงโดยมีปัญหาความเครียดส่วนตัว

วันที่ 10 กันยายน 2563 ช่วงค่ำ ประชาชนและสื่อท้องถิ่นจ.ปัตตานีรายงานเกิดเหตุรถรับส่งนักเรียนโรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยาถูกยิงหลายนัดบริเวณด้านหน้าของ ฐานจุดตรวจ กองร้อยทหารพรานที่ 4216 กรมทหารพรานที่ 42 อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี กระสุนโดนตัวรถ 3 นัด เคราะห์ดีที่ในเวลาดังกล่าวไม่มีนักเรียนอยู่บนรถทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะหลบหนีออกไป

รอยกระสุนถูกกระจกรถบัสรับส่งนักเรียน 2 จุด (ภาพโดย คทาวุธ แช่ม)

 มูฮัมหมัดรุสดี เชคฮารูณ ตัวแทนพรรคประชาชาติโพสต์เฟซบุ๊ก เผยว่าผู้ก่อเหตุเป็น “เจ้าหน้าที่ทหารพราน” และกล่าวผ่านเฟสบุ๊กไลฟ์ว่าเป็นการ “กราดยิง”

ฐานจุดตรวจ กองร้อยทหารพรานที่ 4216 กรมทหารพรานที่ 42 อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
ภาพโดย คทาวุธ แช่ม

กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า : เกิดจากปัญหาส่วนตัว

เช้าวันที่ 11 กันยายน 2563 เวลา 09.00 น. พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี แถลงยืนยันว่าผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครทหารพราน ทราบชื่อ คือ อส.ทพ.กสานดิ์ หนุดหล่ะ สังกัดกองร้อย ทพ.4216 ที่หลังจากหลบหนีไป พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4  สั่งการให้เร่งติดตามจนสามารถสกัดจับได้ที่ ด่านตรวจเกาะหม้อแกง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า

โฆษกฯ ยังแถลงว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น อส.ทพ.กสานดิ์ฯ ได้ให้การยอมรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริงเนื่องจากเกิดความเครียดจากปัญหาภายในครอบครัว จนเกิดอาการคลุ้มคลั่งและก่อเหตุยิงปืนในฐานปฏิบัติการทำให้กระสุนพลาดไปโดนรถบัส ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นรถรับส่งนักเรียน ซึ่งระหว่างการแถลงก็ได้ย้ำว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากปัญหาส่วนตัว ไม่ใช่ปัญหาความมั่นคงแต่อย่างใด

อย่างไรก็ดี ก็ได้กล่าวว่าแม้จะเกิดจากสาเหตุปัญหาส่วนตัว แต่ได้สร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อความรู้สึก และความเชื่อมั่นของประชาชน จึงยืนยันว่ามีการดำเนินการกับผู้ก่อเหตุอย่างเด็ดขาด เบื้องต้นดำเนินการปลดออกจากราชการนำตัวส่งสถานีตำรวจในท้องที่เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาแล้ว และจะมีการสอบสวนผู้ก่อเหตุอย่างละเอียด เพื่อลงโทษทางวินัยขั้นเด็ดขาด

กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ทิ้งท้ายว่าขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรม และจะไม่ปกป้องกำลังพลผู้กระทำผิดโดยเด็ดขาด โดยจะลงโทษวินัยขั้นสูงสุดและหากพบมีความผิดทางอาญาก็จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และได้มีการกำชับกำลังพล ที่จะออกปฎิบัติราชการภาคสนามมาโดยตลอด ให้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่ ทั้งยังมีการคัดกรอง อบรม ให้ความรู้ แก่ผู้จะลงมาปฏิบัติหน้าที่ทั้งเรื่อง สุขภาพร่างกาย จิตใจ ตลอดจนบริบทในพื้นที่ 

ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการก่อเหตุจาก “ปัญหาส่วนตัว”

เหตุเจ้าหน้าที่จับอาวุธก่อความรุนแรงแก่สาธารณะครั้งนี้ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้น โดยปีนี้เกิดเหตุการณ์ “กราดยิงโคราช” สร้างความหวาดผวาให้ประชาชนมาแล้วในช่วงต้นปี พ.ศ. 2563 โดยจ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ก่อเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใจกลางเมืองโคราช จ.นคราชสีมา มีผู้เสียชีวิต 30 ราย หนึ่งในนั้นคือตัว “มือปืน” ที่ถูกวิสามัญฆาตกรรมในที่ก่อเหตุ

ชนวนหนึ่งของการก่อเหตุครั้งนั้นคือปัญหาความไม่ลงรอยเรื่องธุรกิจบ้านพัก ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า “เป็นเรื่องส่วนตัว”

บ้านพักที่ผู้ก่อเหตุ “กราดยิงโคราช” ที่ซื้อจากครอบครัวผู้บังคับบัญชาการ ก่อนไม่ลงรอยกันเรื่อง “เงินทอน”

ขณะที่สื่อต่างชาติหลายสำนักวิเคราะห์ว่าปรากฎการณ์นี้เปิดปูมปัญหา สะท้อนระบบสวัสดิการทหาร และยังสะท้อนความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างทหารชั้นผู้น้อยและผู้บังคับบัญชา ตลอดจนการทำงานที่ขาดความเป็นมืออาชีพของกองทัพไทยจนทำให้ทหารเข้าถึงอาวุธสงครามมาก่อความรุนแรงได้

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. แถลงด้วยท่าทีต่างจากนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจะแก้ไขเรื่องนี้โดยเปิด “สายตรง ผบ.ทบ.” รับฟังข้อร้องเรียนต่าง ๆ ของทหารชั้นผู้น้อยเพื่อรับร้องว่าจะไม่ถูก “เช็กบิล” โดยผู้บังคับบัญชาการ อย่างไรก็ดี ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2536 ที่เกิดเหตุเป็นต้นมา ยังไม่ปรากฎหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงประสิทธิภาพของกลไก “สายตรงผบ.ทบ.” ซ้ำยังเกิดเหตุการณ์ “หมู่อาร์ม” ที่ทหารชั้นผู้น้อยถูกดำเนินการทางวินัยต่าง ๆ เมื่อพยายามจะสะท้อนปัญหาภายในกองทัพ

อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดปัตตานีครั้งนี้ เกิดกระแสการตั้งคำถามหลายประเด็นด้วยกัน ผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่งพุ่งประเด็นไปที่ “ต้องพิจารณาเรื่องการใช้อาวุธและสภาพจิตใจทหารระดับปฎิบัติการ” ขณะที่ผู้แสดงความคิดเห็นรายอื่น ๆ ตามหน้าเพจเฟซบุ๊กของสำนักข่าวภูมิภาคกล่าวถึงประเด็นการใช้อำนาจล้นเกินของเจ้าหน้าที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทัศนคติที่ไม่ดีต่อคนในพื้นที่ และปัญหากฎหมายพิเศษที่บังคับใช้ในพื้นที่ดังกล่าวจนกลายเป็นภาวะไม่ปกติที่เป็นเรื่องปกติ

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า