SHARE

คัดลอกแล้ว

“เยาวชนคลุ้มคลั่ง แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวใช้รุนแรง การเข้าถึงอาวุธปืนง่าย เราโทษเด็กอย่างเดียวไม่ได้ เรื่องนี้มีหลายมุมที่ต้องแก้”

นายชยุต พ่วงมหา เลขานุการโครงการเลิฟแคร์สเตชัน มูลนิธิแพธทูเฮลท์ กล่าวถึง เหตุการณ์ระทึกขวัญและสร้างความเศร้าใจ หลังมีผู้ก่อเหตุกราดยิงภายในศูนย์การค้าพารากอน เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวได้ พบว่าเป็นเยาวชนชายอายุเพียง 14 ปี เท่านั้น และจากการเปิดเผยของตำรวจ ระบุว่า เขาสื่อสารจับใจความไม่ได้ และเมื่อมีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า เยาวชนรายนี้อยู่ระหว่างการรักษาโรคทางจิตเภทและยังมีพฤติกรรมที่ชื่นชอบอาวุธปืนด้วย

เหตุการณ์นี้นำมาสู่การถกเถียง และตั้งคำถามมากมายจากสังคมโดยเฉพาะในโลกโซเชียลมีเดีย อาทิ

• อายุแค่นี้ ทำไมโหดเหี้ยมทารุณขนาดนี้?

• เตรียมการมาอย่างดีหรือเปล่า ?

• พ่อแม่เลี้ยงมายังไง เด็กถูกกดดันจากครอบครัวหรือเปล่า

• ถึงเด็กจะติดเกม แต่ก็ไม่ควรโทษเกมหรือเปล่า?

ซึ่งเป็นคำถามที่ทำให้เราต้องกลับไปตั้งโจทย์ให้ถูกเพื่อแก้ไขกันที่ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เพื่อส่งเสริมและปกป้องเด็กและเยาวชนไม่ให้เกิดการตัดสินใจพลาดโดยลำพัง

นายชยุต กล่าวว่า จากข้อมูลที่มีในรายงานข่าวที่ตำรวจทำการสอบสวน เรามองเห็นว่า คนรอบตัวรู้ถึงพฤติกรรมของเขาที่ต่างจากคนทั่วไปและเยาวชนในวัยเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นรสนิยมที่ชื่นชอบโอ้อวดการยิงปืนในกลุ่มไลน์ (ซึ่งต้องตรวจสอบว่ามีผู้ปกครองดูแลหรือไม่) การมีปืนไว้ในครอบครอง หรือการที่เขาเองกำลังรับการรักษาทางจิตเวชอยู่ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่ามีโอกาสจะกระทำความผิดได้

ข้อมูลจากแบบสังเกตผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงต่อการก่อความรุนแรง โดย กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข มีสัญญาณเตือน ได้แก่ 1. ขีดข่วน หรือ กรีดตัวเองเป็นรอยแผล 2. ส่งเสียงดังหรือตะโกนด่าผู้อื่นด้วยคำหยาบคายรุนแรง 3. ข่มขู่จะทำร้ายผู้อื่น 4. ทำร้ายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ 5. พกพาหรือสะสมอาวุธโดยไม่สมเหตุสมผล และ 6. ทำลายสิ่งของจนแตกหัก โดยหากพบสัญญาณตั้งแต่ 1 ข้อขึ้นไป หมายถึง เขามีความเสี่ยงต่อการก่อความรุนแรง โดยคนใกล้ชิดไม่ควรมองข้าม หรือแม้กระทั่ง นอนน้อย นอนดึก นอนไม่พอ กินเยอะ กินน้อย กว่าปกติ อันนี้เป็นสิ่งที่คนใกล้ชิดสังเกตง่ายที่สุด

“บางทีถ้าพ่อแม่ ครู เพื่อนทั้งออฟไลน์ และ ออนไลน์ ควรร่วมกันสังเกตพฤติกรรมคนที่เราใกล้ชิด ถ้าพบเห็นหรือตั้งข้อสงสัยไม่สบายใจ ว่าลูกเรา เพื่อนเรา น้องเรา ลูกศิษย์เรา ทำไมมีพฤติกรรมที่เรารู้สึกเป็นห่วง หรือ ถ้ารู้สึกได้ว่าเขามีความผิดปกติต่างไปจากเด็กวัยเดียวกัน ไม่ควรมองข้าม เราสามารถขอรับคำปรึกษาจากหน่วยบริการสุขภาพจิต หรือสามารถขอรับคำปรึกษากับเลิฟแคร์สเตชันได้เช่นกัน” นายชยุต กล่าว

นายชยุต เล่าว่า มูลนิธิแพธทูเฮลต์เอง เล็งเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ เพราะการเข้าถึงการดูแลรักษาสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นยังมีจำกัด จึงได้ดำเนิน “โครงการเลิฟแคร์สเตชัน” เปิดพื้นที่ให้คำปรึกษาเด็กและเยาวชนในระบบออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.lovecarestation.com รวมถึง Facebook Messenger และ Line OA โดยมีการให้คำปรึกษาทุกปัญหาที่เจอในชีวิตเด็กและเยาวชน โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้ง จิตแพทย์ นักจิตวิทยา และผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรม เป็นผู้ดูแลให้คำปรึกษา โดยไม่มีการเปิดเผยตัวตน ชื่อ ใบหน้าของผู้ที่เข้ามาใช้บริการเลย ซึ่งทำให้เลิฟแคร์สเตชันเป็น “พื้นที่ปลอดภัยและเป็นมิตร” ให้เข้ามาพูดคุยอย่างสบายใจ ทำให้เขากล้าที่จะบอกเล่าความรู้สึก ระบายความในใจ บอกถึงปัญหาที่กำลังเผชิญได้อย่างไม่มีกำแพงกั้น ซึ่งเราเชื่อว่าการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ จะส่งผลให้เด็กและเยาวชนสามารถตัดสินใจด้วยตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่สำคัญโครงการนี้ดำเนินการมา 16 ปี มีเด็กและเยาวชนเข้ารับคำปรึกษามากกว่า 2,000,000 คน เราช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อมราว 3,000 คนต่อปี ช่วยลดการทำแท้งเถื่อนได้ลงราว 1 ใน 5 และช่วยแก้ปัญหาสุขภาพจิตอย่างถูกวิธีให้แก่วัยรุ่นกว่า 1,500 คนต่อปี ซึ่งมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต

โดยสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเราในการร่วมแก้ปัญหาสุขภาวะของพวกเขาอย่างเข้าใจ เข้าถึง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ผ่านเว็บไซต์เทใจดอทคอม https://taejai.com/th/d/lovecarestation_ch/ ซึ่งท่านไม่ได้ช่วยแค่ให้โครงการของเราดำเนินการต่อไปได้เท่านั้น แต่ท่านยังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องเด็กและเยาวชน หยิบยื่นคุณภาพชีวิตที่ดี ให้พวกเขาได้มีโอกาสเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ร่วมพัฒนาสังคมไทยของเราอย่างยั่งยืนต่อไป

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า