SHARE

คัดลอกแล้ว

ยิ่งกว่าฝันร้ายสำหรับเหล่า SME เมื่อการล็อกดาวน์แบบไม่ล็อกดาวน์กลับมาอีกครั้งในโควิดระลอกที่ 3 หลัง ศบค.ประกาศให้ร้านอาหารในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม 6 จังหวัด อย่างกรุงเทพมหานคร ชลบุรี นนทบุรี เชียงใหม่ ปทุมธานี และสมุทรปราการ งดการให้บริการนั่งรับประทานอาหารในร้านและให้ประชาชนซื้อกลับบ้านได้จนถึงเวลา 21.00 น. เท่านั้น

ทำให้ร้านอาหารพากันออกมาแสดงความผิดหวังที่แม้จะผ่านมาครบปี แต่สถานการณ์กลับทวีความหนักหน่วงยิ่งกว่าคราวก่อนและยังไร้การเยียวยา เอสเอ็มอีจึงต้องพากันหาทางออกด้วยตัวเอง

เช่นเดียวกับเจ้า ‘เพนกวิน’ ที่เคยขายชาบูแถมหม้อ และยืนหยัดผ่านวิกฤติมาแล้วถึง 2 ครั้ง

วันที่ 29 เม.ย. 2564 หลัง ศบค. ประกาศกฎใหม่เพื่อป้องกันโควิดระลอก 3 เพจร้านอาหาร ‘Penguin Eat Shabu – เพนกวินกินชาบู’ ที่โด่งดังขึ้นมาจากการขายชาบูแถมหม้อในโควิดระลอกแรกได้โพสต์ภาพตัวอักษรสีขาวบนพื้นหลังสีดำ

“ก้มหน้าปรับตัวมาตลอด 1 ปี คราวนี้กำลังจะไม่ไหวแล้วจริงๆ #ครอบครัวPenguin” พร้อมแคปชัน #เราจะอยู่ด้วยกัน

ก่อนวันถัดมา ‘ต่อ-ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี’ หนึ่งในผู้ก่อตั้งเพนกวินอีทชาบู จะให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเดอะ สแตนดาร์ด เวลท์ว่า “ครั้งนี้หนักกว่า 2 ครั้งแรก เพราะลูกค้ารู้ว่ายืดเยื้อแน่นอน เงินในกระเป๋าน้อยลง ความสนุกสนานในการจับจ่ายออนไลน์ก็ลดลง งบของร้านก็ร่อยหรอลงหลังจากใช้ไป 2 ก๊อกแล้ว”

ความเห็นของผู้ก่อตั้งเพนกวินอีทชาบูเป็นไปในทิศทางเดียวกับความเห็นของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวนมากที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ล้าเต็มที”

หลังจากใช้ความพยายามในการปรับตัวเปลี่ยนแปลงเพื่ออยู่กับวิกฤตมา 2 ครั้ง 2 คราว โดยไม่คิดว่าจะมีคราวที่ 3 และไม่รู้ว่าจะรอดจากวิกฤติครั้งนี้ไปได้ยังไง

อย่างไรก็ตาม เจ้าเพนกวินยังไม่ยอมแพ้

ช่วงค่ำวันเดียวกัน เพจเพนกวินอีทชาบูประกาศปรับตัวชั่วคราวอีกครั้ง และในคราวนี้มาพร้อมกับไลน์สินค้าใหม่อย่าง ‘เพนกวินกินทุเรียน’ หรือ ‘PenguinEatDurian’

โดยต่อและต้นส่งสัญญาณผ่านการปรับหน้าเพจใหม่ พร้อมประกาศเริ่มขายทุเรียนหมอนทองแกะคัดเกรด AAA แบบเดลิเวอรี่ถึงหน้าบ้านเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ

‘ต้น-ธนพันธ์ วงศ์ชินศรี’ หนึ่งในผู้ก่อตั้งเพนกวินอีทชาบู เล่าในเฟสบุ๊กส่วนตัวของเขาถึงกระบวนการปรับตัวจากการขายชาบูมาขายทุเรียนในรอบนี้ โดยเริ่มต้นว่า

“เวลาคนเรามันจนตรอกลำบาก เชื่อเหอะมันทำได้ทุกอย่างจริงๆ”

เขาบอกว่า ตั้งแต่รู้ข่าวว่ารัฐจะสั่งให้ปิดร้านแน่นอนแล้วในวันที่ 29 เม.ย. เวลาประมาณบ่ายสามโมง เขาก็เรียกรวมทีมงานส่วนกลาง เพื่อจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพนักงานทั้งหมดและวางแผนกำลังคนใหม่ พร้อมประเมินอันตรายของวิกฤติครั้งนี้

และ 24 ชั่วโมงหลังจากนั้นเป็นเวลาของความพยายามที่ต้นเรียกว่า ‘การ Hackatron ตัวเอง’ หรือการแข่งขันกับตัวเองเพื่อสร้างสิ่งใหม่ภายในเวลาที่เริ่มนับถอยหลัง

ต้น อธิบายว่า วันแรกเขาใช้เวลาช่วงเย็นไปกับการประชุมหาทางออก ก่อนตัดสินใจว่าจะเริ่มขายทุเรียนหมอนทองแกะเปลือกเดลิเวอรี่

พอตัดสินใจได้แล้วจึงเริ่มคิดชื่อสินค้า ออกแบบโลโก้ ออกแบบการ์ดขอบคุณ ทำระบบการจอง รวมถึงตามหาซัพพลายเออร์ เขาใช้เวลาตลอดทั้งช่วงบ่ายตลอดจนมืด ก่อนจะกลับมาเขียนคอนเท้นต์ถึงเวลาเช้าของวันถัดมา

วันที่ 2 ต้นเข้าไปคุยกับสวนทุเรียนที่จันทบุรีและเข้าไปถ่ายรูปสินค้าด้วยตัวเอง ก่อนประชุมโปรเจ็กต์กู้ชีพอีกโปรเจ็กต์ในช่วงเที่ยง

แล้วจึงกลับมาจดจ่อกับการทำกราฟิกและเขียนคอนเท้นต์ที่จะต้องใช้สำหรับการโปรโมท คำนวณราคาขาย สั่งทำสติกเกอร์ ซื้อแพ็คเกจ และคุยเรื่องการจัดส่งสินค้า

ไปพร้อมๆ กับทำคอนเท้นต์ขายหม้อพร้อมชาบูที่เหลือติดดอยอยู่จากโควิดรอบแรก

เย็นวันเดียวกัน (30 เม.ย.) นั้นเองที่ ‘เพนกวินกินทุเรียน’ พร้อมออกสู่สายตาสาธารณชน และเริ่มต้นขายทุเรียนหมอนทองเกรด AAA แกะเปลือกพร้อมเดลิเวอรี่ถึงบ้านเป็นวันแรก

ต้นช่วยทีมงานตอบลูกค้าตั้งแต่เริ่มขายจนกระทั่งปิดยอดเวลาตีหนึ่ง และเริ่มแกะเปลือกทุเรียนอีกครั้งประมาณตีสาม เพื่อจัดส่งไปยังจุดกระจายในช่วงเช้าและจัดส่งออกทั้งหมดก่อนช่วงเที่ยง

ครบ 24 ชั่วโมงของการ Hackatron ตัวเองของต้น
เพนกวินอีทชาบูได้ ‘เพนกวินอีททุเรียน’ มาให้บริการ

ต้นบอกว่า “แม้อาจจะยังไม่ดีที่สุด รายได้อาจยังไม่ได้เยอะมาก แต่ก็พอทำให้ทีมงาน ได้กำลังใจ ที่พอเห็นแสงสว่าง พอจะไปต่อได้บ้าง ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว” พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจและความช่วยเหลือ และยืนยันว่าจะยืนหยัดต่อไปจนหมดหน้าทุเรียนในแบบที่ “ถ้าทุเรียนยังไม่หมด อย่าพึ่งนับศพเพนกวิ้น”

เพราะเขาเป็นมาแล้วทั้งผู้ชายขายชาบู ผู้ชายขายหม้อ และผู้ชายขายทุเรียน พร้อมยืนยันอีกว่า ถ้าขายตัวแล้วร้านรอดได้ ตอนนี้ก็ยอมขาย

เรายังไม่รู้ว่าจนกระทั่งจบการแพร่ระบาดในรอบนี้ สถานการณ์ของ ‘เพนกวิน’ รวมถึงเพื่อนๆ เอสเอ็มอีจะดำเนินไปถึงจุดไหน จะมีใครต้องปิดบริการเดิม เปิดบริการใหม่ รวมถึงจะมีใครบ้างที่ทยอยล้มหายตายจากไปจากวงการหลังยืนหยัดสู้วิกฤตการณ์โควิด-19 มากว่า 1 ปีและยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด

ที่มา

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า