SHARE

คัดลอกแล้ว

เป๊ปซี่โค หนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านขนมขบเคี้ยวและอาหาร ในแต่ละวันมีผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ของเป๊ปซี่โค ถึงวันละ 1,000 ล้านครั้ง ดังนั้นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญ คือการส่งมอบคุณค่าและความยั่งยืนผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่จำหน่ายอยู่ในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก

ภายใต้กระแสของการดำเนินธุรกิจในยุคใหม่ ที่ผู้คนต่างให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ดูแลสิ่งแวดล้อมในทุกๆ มิติ และการใส่ใจเรื่องสุขภาพ เป๊ปซี่โค ก็ตระหนักให้ความสำคัญถึงเรื่องดังกล่าวนี้ และได้วางกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ใส่ใจในทุกกระบวนการผลิตที่ไม่สร้างภาระให้สิ่งแวดล้อม พร้อมๆ ไปกับการส่งเสริมผู้คนและพันธมิตรทางธุรกิจที่อยู่บนห่วงโซ่อุปทานตลอดทั้งเส้นทาง

[ เป๊ปซี่โค มุ่งสู่ความยั่งยืน เพื่อโลกที่น่าอยู่ ]

เป๊ปซี่โค ประเทศไทย หนึ่งในผู้ผลิตและจัดจำหน่ายมันฝรั่งทอดกรอบ “เลย์” ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยวิสัยทัศน์กลยุทธ์เชิงบวก ที่เรียกว่า PepsiCo Positive (เป๊ปซี่โค โพสิทีฟ) หรือ pep+ (เป๊ป โพสิทีฟ) เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตไปพร้อม ๆ กับการเติมเต็มคุณค่าให้กับผู้คนและโลก

“pep+” เปรียบเสมือนหลักปฏิบัติของเป๊ปซี่โคทั่วโลก เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายการสร้างความมั่นคงทางอาหารและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกและผู้คนบนโลก ผ่านการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพไปยังผู้บริโภค รวมไปถึงการริเริ่มโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยสนับสนุนให้เป๊ปซี่โคสามารถก้าวสู่เป้าหมายตามที่วางแผนไว้ และสร้างความยั่งยืนในทุกขั้นตอนของธุรกิจ

สำหรับเป้าหมายสูงสุดของ pep+ คือการสร้างโลกที่ดีขึ้นในทุกมิติ โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาสำคัญของโลก เช่น ปัญหาขาดแคลนอาหาร ปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม และปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ดังนันเป๊ปซี่โคให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นจิกซอว์ที่สำคัญของการบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยทำงานร่วมกับเกษตรกร ชุมชน พันธมิตรทางธุรกิจ และภาครัฐ เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกในระยะยาว

[ 3 แกนหลัก ภายใต้กลยุทธ์ PepsiCo Positive หรือ pep+]

การดำเนินธุรกิจตามแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรแบบยั่งยืนตามกลยุทธ์ PepsiCo Positive หรือ pep+ ประกอบไปด้วย 3 แกนหลัก ซึ่งจะเชื่อมโยงกันเพื่อสร้างความแข็งแรงและยั่งยืนตลาดทั้งห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจ

  1. Positive Agriculture “การเกษตรเชิงบวก”

เนื่องจากมันฝรั่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต เลย์  เป๊ปซี่โค จึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งในประเทศไทย  โดยปัจจุบันได้ส่งเสริมให้เกษตรกรไทยกว่า 5,800 ราย ปลูกมันฝรั่ง และปัจจุบันเกษตรกรสามารถปลูกมันฝรั่งและได้ผลผลิตประมาณ 1 แสนตันต่อปี ซึ่งเพิ่มมูลค่าให้กับห่วงโซ่อุปทานมันฝรั่ง และสร้างรายได้ให้เกษตรกรมากถึง 1,500 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้มันฝรั่งเป็นพืชที่เติบโตในพื้นที่อากาศเย็น จึงมีเกษตรกรทำไร่มันฝรั่งอยู่ใน 10 จังหวัด ทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน ตาก เพชรบูรณ์ สกลนคร และนครพนม บนเนื้อที่กว่า 38,000 ไร่ ผ่านการจัดทำฟาร์มต้นแบบ จำนวน 19 แห่งซึ่งเป็นแปลงสาธิตให้เกษตรกรต่างๆ ได้เข้าไปเรียนรู้

เป๊ปซี่โค ลงพื้นที่ทำงานแลกเปลี่ยนความรู้กับเกษตรกร พร้อมกับนำเทคโนโลยีการเกษตร อย่าง Agro Drone Scout เป็นโดรนสำหรับประเมินโรคและตรวจสอบสภาพพื้นที่ปลูกมันฝรั่ง และ ListenField เป็นเทคโนโลยีอินฟาเรตตรวจสอบสภาพดิน ทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตเพิ่มจาก 1.5 ตันต่อไร่ เป็น 3 ตันต่อไร่ และตอนนี้เป๊ปซี่โค  ก็ตั้งเป้าว่าจะสนับสนุนให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อเพิ่มผลผลิตมันฝรั่งของเกษตรกรให้มากขึ้น

  1. Positive Value Chain “ห่วงโซ่คุณค่าเชิงบวก”

เป๊ปซี่โค ให้ความสำคัญของการผลิตตั้งแต่ต้นทาง ปลายทาง ส่งเสริมความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน และสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจฐานรากที่เป็นธรรมโดยมีโครงการต่างๆ ดำเนินการสอดคล้องกับเป้าหมายหลัก โดยเฉพาะการเดินหน้าสู่ Net Zero ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยกำหนดใช้เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2040 โดยมีกิจกรรมในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กิจกรรมการลดการใช้พลังงานและกิจกรรมเพื่อความยั่งยืนในโรงงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่

  • การใช้พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงาน สู่การผลิตที่ยั่งยืน

โดยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงาน เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงานและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอีกด้วย

  • การใช้พลังงานทดแทน สู่การลดการปล่อยคาร์บอนและอนาคตที่ยั่งยืน

โดยเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการผลิตคาร์บอน การหันมาใช้พลังงานทดแทนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและบรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อน เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลก

  • โครงการพลังงานชีวมวล เปลี่ยนเศษเหลือใช้เป็นพลังงานสะอาด

โดยนำพลังงานชีวมวลแบบไอน้ำมาทดแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

  • การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (water recycling) เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่เป๊ปซี่โคใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2040 กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้น้ำดิบจากธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังช่วยลดปริมาณน้ำเสียที่ปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมอีกด้วย

และนอกจากนี้ยังมีโครงการ Journey to Zero Waste เป็นความมุ่งมั่นของเป๊ปซี่โค ในการสร้างสรรค์โลกที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการขยะพลาสติกตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ด้วยการรวบรวมบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้แล้ว หรือ Multilayer Plastic (MLP) นำมาอัพไซคลิ่ง เป็นชุดโต๊ะเรียนรักษ์โลก บริจาคให้กับโรงเรียนในพื้นที่ขาดแคลนตามชุมชนต่างๆ และยังเป็นการส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย

  1. Positive Choices “ทางเลือกเชิงบวก”

ธุรกิจเป๊ปซี่โค มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะลดส่วนประกอบของน้ำตาลในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และลดปริมาณโซเดียมในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทั่วโลก  รวมถึงใช้น้ำมันที่ไม่มีไขมันทรานส์

และภายในปี ค.ศ. 2030 เป๊ปซี่โคตั้งเป้าที่จะปรับสูตร เพื่อให้ระดับโซเดียมต่ำกว่าหรืออยู่ในเกณฑ์ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก

[ ร่วมมือกับพันธมิตร สร้างความยั่งยืนให้กับสังคม ชุมชน เกษตรกร]

หนึ่งในปัญหาที่สำคัญของโลก คือ เรื่องสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำเกษตรกรรม  เป๊ปซี่โค จึงร่วมมือกับ GIZ หน่วยงานเพื่อการพัฒนาด้านความยั่งยืนของเยอรมัน หน่วยงานด้านเกษตรของไทย เช่น กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร และเพื่อร่วมกันหาทางรับมือกับสภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงด้วยวิธีการปลูกข้าวมันฝรั่งและข้าวโพดหมุนเวียนอย่างยั่งยืน เพื่อเสริมทักษะให้เกษตรกรไทยสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเรียนรู้แนวทางการจัดการพื้นที่เกษตรฟื้นฟูอย่างเป็นระบบ

เพราะมันฝรั่ง คือพืชทางเลือก ที่สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้เกษตรกรได้ด้วยการทำเกษตรเชิงบวก เกษตรแบบฟื้นฟู และใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วยเพิ่มผลผลิตและพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย

เป๊ปซี่โค ยังได้เล็งเห็นปัญหาความยากจนของเกษตรกรหญิงในประเทศไทย จึงร่วมกับมูลนิธิรักษ์ไทย จัดโครงการ “She Feeds The World” ภายใต้การสนับสนุนเงินทุนโดยมูลนิธิเป๊ปซี่โค เพื่อส่งเสริมบทบาทของสตรีในภาคการเกษตร โดยมุ่งส่งเสริมบทบาทของเกษตรกรหญิงใน 5 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน น่าน และพะเยา ในการพัฒนาทักษะการเกษตรแบบยั่งยืน เพื่อเพิ่มพูนรายได้ และสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับชุมชน

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการสนับสนุนความต้องการด้านโภชนาการของประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรหญิงให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะ การเข้าถึงแหล่งทุน และการสร้างเครือข่ายให้กับเกษตรกรหญิง เพื่อให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย และสามารถผลิตอาหารได้อย่างเพียงพอและยั่งยืน

[ อาณาจักร เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ]

เป๊ปซี่โค เริ่มต้นธุรกิจขนมขบเคี้ยวในประเทศไทย ในปี ค.ศ. 1995 โดยเปิดโรงงานผลิตขนมขบเคี้ยวแห่งแรกที่จังหวัดลำพูน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ “เลย์” มันฝรั่งทอดกรอบ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย และกลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยม

เมื่อความต้องการของผู้บริโภคในไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น เป๊ปซี่โค จึงได้เปิดโรงงานผลิตขนมขบเคี้ยวแห่งที่สองขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

การดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศไทย เป๊ปซี่โคมีเป้าหมายที่ขยายธุรกิจและสร้างความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ดังนั้นในปี ค.ศ. 2017 จึงได้ร่วมทุนกับซันโทรี่ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น โดยให้บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ดูแลและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องดื่ม โดยปัจจุบันเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของ “ซันโทรี่” ได้แก่  ทีพลัส และ บอส คอฟฟี่ ฯลฯ และเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของ “เป๊ปซี่โค ประเทศไทย” ได้แก่  เป๊ปซี่ มิรินด้า เซเว่นอัพ ลิปตัน เกเตอเรด สติงค์ และ อควาฟิน่า  ฯลฯ

เป๊ปซี่โคได้สร้างความสำเร็จในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย เช่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค การขยายฐานการผลิต และการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง

ปัจจุบัน เป๊ปซี่โค ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาถึง 72 ปี โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และในปี 2024 นี้ “เลย์” เป็นหนึ่งในแบรนด์ขนมขบเคี้ยวที่ทรงพลัง และได้รับรางวัล “The Most Powerful Brands of Thailand 2024” หรือ “สุดยอดแบรนด์ทรงพลังของประเทศไทย 2024” จากการสำรวจของภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการสำรวจแบรนด์ครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของเป๊ปซี่โค ประเทศไทย

[ The PepsiCo Way  วัฒนธรรมองค์กรที่สร้างแรงขับเคลื่อน สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน ]

วัฒนธรรมของเป๊ปซี่โคเปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และดีขึ้นในทุก ๆ วัน แนวทางการทำงานของเป๊ปซี่โค (The PepsiCo Way) เป็นรากฐานสำคัญที่ส่งเสริมให้เป๊ปซี่โค บรรลุวิสัยทัศน์และพันธกิจ

ผ่านการกำหนดแนวทางในการปฏิบัติงานให้พนักงานนำไปใช้ในการทำงานและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีที่ในองค์กร ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการ ผู้เชี่ยวชาญ พนักงานใหม่ จนถึงพนักงานที่มีประสบการณ์ในการทำงานมานับหลายปี เรียกได้ว่าเป็น DNA ของเป๊ปซี่โค ประกอบด้วย

  • ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ (Act With Integrity)
  • ปลุกจิตสำนึกให้เหมือนเป็นเจ้าของกิจการ (Act As Owners)
  • กล้าแสดงความคิดเห็น (Voice Opinions Fearlessly)
  • ยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (Be Consumer Centric)
  • ฉลองความสำเร็จ (Celebrate Success)
  • ยกระดับความสามารถพนักงานและให้ความสำคัญกับความหลากหลาย (Raise the Bar on Diversity & Talent)
  • ตั้งเป้าหมายและทำงานสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างรวดเร็ว (Focus & Get Things Done Fast)

ซึ่งวัฒนธรรมองค์กรของเป๊ปซี่โค กล่าวได้ว่าเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งที่ขับเคลื่อนความสำเร็จขององค์กร โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเติบโตอย่างยั่งยืน วัฒนธรรมองค์กรนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อพนักงานของเป๊ปซี่โคเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อลูกค้า ชุมชน และสังคมโดยรวมอีกด้วย

เป๊ปซี่โค ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนที่ไม่ใช่เพียงแค่เป้าหมายในเชิงธุรกิจ แต่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกร ชุมชนและสังคม รวมถึงซัพพลายเออร์ โดยเชื่อมโยงผ่านกลยุทธ์ “pep+”  3 แกนหลัก คือ การเกษตรเชิงบวก  ห่วงโซ่คุณค่าเชิงบวก และทางเลือกเชิงบวก  เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนไปพร้อม ๆ กัน

ติดตามข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.pepsico.co.th

โซเชียลมีเดีย  PepsiCo Thailand Official Facebook Page

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า