SHARE

คัดลอกแล้ว

การกู้หนี้ยืมสินไปทั่วจนไม่สามารถจ่ายคืนได้ หรือถ้าจ่ายคืนได้ก็ใช้วิธียืมคนนี้หมุนไปคืนคนนั้น แล้ววนกลับมายืมใหม่ เรียกว่า ยืมๆ คืนๆ สลับไปมาจนซ้ำซาก กลายเป็นปัญหาการเงินเรื้อรัง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า อาการนี้คือยังไม่มีวินัยการเงินที่เพียงพอ และไม่ได้วางแผนการใช้จ่ายให้พอดี

โดยเฉพาะ ‘ใช้เท่าที่มี’

ไม่ว่าจะมีรายได้มากน้อยแค่ไหน หากไม่มีวินัยทางการเงินย่อมมีโอกาสสูงที่จะทำให้เงินหมดตัว และเมื่อถึงวันนั้นก็ต้องหาทางออกด้วยการไปกู้หนี้ยืมสิน เมื่อหาเงินมาใช้หนี้ไม่ทัน หนี้ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นดินพอกหางหมู สุดท้ายกลายเป็นคนที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว

ก่อนคิดกู้หนี้ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าเมื่อเป็นหนี้แล้วจะมีเงินจ่ายหรือไม่ ตามหลักแล้วแต่ละคนควรมีภาระหนี้ต่อเดือนรวมแล้วไม่ควรเกิน 1 ใน 3 ของรายได้

ยกตัวอย่าง มีเงินเดือน 20,000 บาท ภาระหนี้ต่อเดือนไม่ควรเกิน 6,666 บาท (20,000 หาร 3 เท่ากับ 6,666 บาท) หมายความว่า หลังแบ่งเงินไปจ่ายหนี้ก็ยังมีเงินเหลือใช้จ่าย รวมถึงยังมีเงินเก็บออม ตรงกันข้ามหากคำนวณแล้วมีภาระหนี้เกิน 6,666 บาท อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าภาระหนี้สินต่อเดือนเริ่มสูงเกินไป

คนที่สามารถจ่ายหนี้ได้คงไม่มีปัญหา แต่สำหรับผู้ที่มี ‘หนี้สินท่วมหัว’ มักไม่ค่อยมีความสุขและมักจะแสดงอาการส่วนตัวออกมา ดังนี้

1. กระสับกระส่าย

การมีภาระหนี้สินท่วมหัวเพราะตัวเองก่อขึ้นล้วนๆ และยิ่งถึงเวลาจ่ายหนี้แล้วหาเงินไม่ทันก็มักจะมีอาการอยู่ไม่เป็นสุข ลุกลี้ลุกลน กระสับกระส่าย ทานอะไรก็ไม่อร่อย นอนไม่หลับ ในหัวคิดแต่ว่าจะหาเงินจากที่ไหนไปให้เจ้าหนี้

2.ไม่อยากคุยเรื่องเงิน
เวลาเพื่อนๆ คุยกันถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ จะไม่อยากมีส่วนร่วมกับบทสนทนา เพราะเหมือนเป็นการไปสะกิดให้จิตใจห่อเหี่ยวมากกว่าเดิม หรือหากมีหนี้สินมากๆ อาจถึงขั้นผวาเมื่อได้ยินคนรอบข้างพูดถึงเรื่องเงิน สังเกตว่าผู้ที่มีภาระหนี้สินท่วมหัวจะชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว

3.เริ่มจ่ายหนี้ช้า

ในอดีตสามารถจ่ายหนี้ได้ตามกำหนด แต่อยู่ๆ เริ่มจ่ายหนี้ช้าหรือจ่ายได้ไม่ครบตามจำนวน หรือถอนเงินเก็บมาจ่ายหนี้ หากเป็นแบบนี้ถือเป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังมีหนี้สินสูงเกินไป

4.ยอดหนี้ไม่ลด

โดยปกติแล้ว เมื่อจ่ายหนี้ ยอดหนี้จะค่อยๆ ลดลง แต่เมื่อสำรวจดูจะพบว่ายอดหนี้กลับเพิ่มสูงขึ้น แสดงว่ามีการก่อหนี้ก้อนใหม่เข้ามา ทำให้เงินต้นและภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น

เมื่อสำรวจตัวเองและพบว่าเริ่มมีอาการข้อใดข้อหนึ่งข้างต้น อันดับแรกให้ตั้งสติ อย่าหนีปัญหา จากนั้นก็ลงมือทำการแก้ไข คือ

[ สำรวจรายจ่าย แล้วลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ]

วิธีการง่ายๆ คือ ดูว่าในแต่ละเดือนมีรายจ่ายอะไรบ้าง แล้วให้จดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นทั้งหมด เช่น ค่าดูหนัง ค่าทานอาหารนอกบ้าน ค่าฟิตเนสรายเดือน ค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยต่างๆ จากนั้นสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ซื้อของที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป พูดง่ายๆ จะประหยัดและมัธยัสถ์มากขึ้น

[ จัดลำดับการจ่ายหนี้ ]

ให้จดหนี้ทั้งหมดแล้วจัดลำดับหนี้ด้วยการให้หนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดอยู่เป็นลำดับแรก แล้วไล่ระดับลงมาเรื่อยๆ จากนั้นให้เคลียร์หนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงๆ ให้หมดก่อน เช่น หนี้นอกระบบ หนี้บัตรกดเงินสด หนี้บัตรเครดิต

[ หยุดก่อหนี้ใหม่ ]

วิธีหักดิบเพื่อทำให้ภาระหนี้ไม่สูงไปมากกว่านี้ ก็คือ หยุดก่อหนี้ใหม่ ซึ่งต้องสัญญากับตัวเองว่าถ้าหนี้ก้อนเดิมไม่หมดไปจากชีวิตจะไม่ก่อหนี้ใหม่เป็นอันขาด

[ ขายสินทรัพย์บางอย่างไปจ่ายหนี้ ]

หลังจากประหยัดก็แล้ว ขี้เหนียวสุดๆ ก็แล้ว แต่ภาระหนี้ก็ลดลงเพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นแบบนี้ต้องสำรวจว่าตัวเองมีสินทรัพย์อะไรบ้างที่พอจะขายเป็นเงินแล้วนำไปจ่ายหนี้ บางครั้งสินทรัพย์ที่ว่าถึงแม้จะมีคุณค่าทางจิตใจ แต่ต้องตัดใจขายเพื่อแลกกับความสุขของชีวิตในระยะยาว

[ รวมหนี้ ]

การแก้ไขปัญหาหนี้สินด้วยวิธีการรวมหนี้ ส่วนใหญ่ที่ดำเนินการแล้วประสบความสำเร็จ ก็คือ ผู้ที่มีหนี้สินไม่สูงมาก เช่น 1 แสนบาท และเป็นหนี้สินประเภทเดียวกัน เช่น หนี้จากการใช้บัตรเครดิต 5 ใบ เป็นต้น วิธีการ คือ นำหนี้บัตรเครดิตทุกใบที่มีอยู่มารวมไว้ที่เดียว เพื่อลดภาระดอกเบี้ยบัตรเครดิตหลายๆ ใบให้เหลือภาระดอกเบี้ยที่เดียวเมื่อรวมหนี้ได้แล้ว

วิธีนี้ต้องเจรจากับผู้ออกบัตรเครดิต (สถาบันการเงิน) ว่าจะรวมหนี้อย่างไร รวมถึงรูปแบบการรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิต เช่น ขอสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งผู้กู้สามารถขอกู้ได้วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ และดอกเบี้ยต่ำ (ต่ำกว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิต) ถัดจากนั้นก็นำเงินกู้ก้อนใหม่ไปจ่ายหนี้บัตรเครดิต

การมีหนี้สิน ไม่มีความสุขแน่นอน หากใครมีประสบการณ์คงรู้ซึ้งถึงความทรมาน หากไม่ต้องการอยู่กับหนี้สินไปตลอดชีวิต ทางออกง่ายๆ คือ มีวินัยทางด้านการเงิน รู้จักเก็บ รู้จักใช้ รู้จักพอดี ถ้าทำได้ชีวิตจะปลอดหนี้

 

ข้อมูลจาก ธนาคารไทยพาณิชย์ – SCB

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า