Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

กระแส #เพชรกรุณพล ติดอันดับหนึ่งเทรนด์ทวิตเตอร์เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา จากการที่มีชาวเน็ตนำคลิปการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเมื่อหลายปีก่อนของนักแสดงหนุ่มมาแชร์ใหม่จนถูกรีทวีตจำนวนมากและถูกนำมาพูดถึงอีกครั้ง กระแสดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้เจ้าตัว เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ นักแสดงเป็นอย่างมาก เพราะเขาเองยอมรับว่ายังเป็นมือใหม่สำหรับทวิตเตอร์ ไม่คาดคิดว่าจะมีคนรุ่นใหม่จะมาสนับสนุนความคิดเขาและให้กำลังใจอย่างล้นหลาม กลายเป็นพลังอุดหนุนธุรกิจเบเกอรี่ คาเฟ่เล็กๆ ของเขา ชื่อ ‘On a Cloud’ ในย่านราษฎรบูรณะ ซอย 4 จนยอดขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

“จากเดิมวันธรรมดาขายได้ไม่กี่พัน ก็ขึ้นเป็นหลักหลายหมื่น ขายจนของที่เตรียมไว้ขายพรุ่งนี้หมด ก็ต้องทำใหม่ทุกวัน ทำแบบ อบขนมถึงตีสอง ตีสาม เครื่องดื่มจากเดิมประมาณ 30 แก้วต่อวัน เพิ่มเป็น 200 แก้ว หลายเท่าตัว เยอะมาก”

“ไม่ได้เตรียมตัวรับอะไรเลย คิดแค่ว่าคนก็คงเข้ามาประมาณหนึ่ง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอา น้ำแข็งหมดก็สั่ง จากมีเครื่องทำน้ำแข็งก็ทำไม่ทัน กาแฟหมดก็สั่งเมล็ดมา ขนมก็พยายามทำเยอะขึ้น จากเดิมเค้กวันละ 1-2 ก้อน ก็กลายเป็นวันละ 3-4 ก้อน”

“ต้องขอบคุณคนที่มองเห็นในสิ่งที่ทำ แต่ก็คืออยากให้คนที่เห็น อ่านในบทสัมภาษณ์เรา ฟังในเรื่องที่เราพูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เรื่องการใช้ชีวิต ให้คิดแล้วก็ใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา เพราะว่าการเมืองบ้านเรามันหยั่งรากลึกในความพวกพ้องน้องพี่ ในการแทงข้างหลังหักหลัง มันไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร เพราะฉะนั้นอย่าเอามาเป็นอารมณ์จนทำให้ขาดสติ ผมเชื่อว่าน้อง ๆ นักศึกษาหลายคนที่ออกมา หวังดีกับประเทศทุกคน อยากให้ประเทศก้าวหน้าและมีความเจริญ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล ในการเข้าใจของกันและกัน” เพชร กล่าว

เพชร กรุณพล เล่าให้ workpointTODAY ฟังอีกว่า ทวิตเตอร์เป็นโลกอีกใบ ที่สร้างความเซอร์ไพรส์ให้เขาเป็นอย่างมาก แม้จะมีแอคเคาท์มาปีกว่าแล้ว แต่ก็มีไว้เพียงอ่านข่าวเท่านั้น เขาแทบไม่เล่นมันเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า “แฮชแท็กติดเทรนด์ทวิตเตอร์” คืออะไร และมองว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่คนรุ่นใหม่ตื่นตัวเรื่องการเมือง

ซึ่งตนเองก็พยายามหาวิธีสนับสนุนด้วยการให้ความรู้มาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยชวนคนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 หรือขึ้นเวทีแสดงความเห็นต่างๆ  และสนับสนุนเรื่องต่างๆ เท่าที่เราจะพอมีกำลัง

ดาราก็มีสิทธิพูดการเมือง แต่ไม่สนับสนุนให้กดดันผู้อื่น

จุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เพชร ยืนยันว่า ยังเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และยังเชื่อมั่นในระบบการตรวจสอบ แม้ว่าการตรวจสอบในปัจจุบันจะยังถูกตั้งคำถามอยู่มากก็ตาม จึงต้องการให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ ให้ที่มาของแต่ละองค์กรตั้งจากหน่วยงานกลาง หรือประชาชนเลือกมา สามารถมีการถ่วงดุลและตรวจสอบได้

“แต่ผมเชื่อในระบบ ผมไม่ได้เชื่อที่ตัวคนบอกก่อน ผมไม่ได้เชื่อว่า ป.ป.ช.เป็นคนดี กกต.เป็นคนดี ศาลเป็นคนดี ทุกองค์กรมีคนดีและคนไม่ดีปะปนกัน ผมไม่เหมารวมทั้งองค์กร แต่ผมเชื่อในระบบการตรวจสอบ แต่ระบบการตรวจสอบที่มีอยู่ในทุกวันนี้มันแหลกเหลว เนื่องจากว่ามันมีที่มาที่ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะทำก็คือให้ประชาชนนี่แหละเป็นคนร่าง หรือสร้างกติกาที่ได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่เพราะว่าส่วนตัวผมเชื่อว่ารัฐธรรมนูญปี 60 มันแย่มาก”

“ที่ไม่ได้รับความยุติธรรมในทุกวันนี้ ผมว่าองค์กรตรวจสอบ ทั้งหน่วยงานอิสระและไม่ปิดอิสระ  องค์กรตรวจสอบต่าง ๆ ควรจะเป็นอิสระจริง ๆ ต่อให้คุณแก้รัฐธรรมนูญแต่กลุ่มคนที่ถูกคนที่มีอำนาจตั้งขึ้นมายังอยู่ ถึงเวลาคุณได้รัฐธรรมนูญที่สวยงาม แต่คนตัดสินถูกตัดสินผิด ก็ยังเป็นกลุ่มคนเดิม เป็นคนของเค้าอยู่ ถามว่าคุณจะหาความยุติธรรมจากตรงไหน ฝั่งที่อยู่ตรงข้ามทำอะไรก็ผิด ฝั่งที่อยู่ฝั่งเดียวกับเขาทำอะไรก็ถูก มันไม่ใช่ไง ดังนั้นองค์กรอิสระจะต้องเป็นอิสระจริง ๆ ไม่ได้ตั้งจากคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มันควรจะตั้งจากหน่วยงานกลาง หรือประชาชนเลือก”

เพชร เผยว่า เคยได้รับผลกระทบเรื่องงานและรายได้ในช่วงที่ออกตัวชัดเรื่องจุดยืนทางการเมืองจนถูกเพื่อนในวงการลดระดับความสัมพันธ์มาแล้ว มาถึงวันนี้ เขาบอกว่าไม่กังวลเลยว่าจะมีผลกับงาน เพราะยืนยันในความเชื่อแบบนี้มานานแล้ว แม้แต่คนในบ้านยังเลือกพรรคการเมืองไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นการเชื่อของแต่ละกลุ่มคนแต่ละพรรคการเมืองก็เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่พึงกระทำได้ แต่ด้วยความที่เป็นดารา เป็นคนที่คนรู้จักเยอะ หากจะแสดงออกอะไรต้องใช้เหตุและผล ต้องเลือกใช้คำพูดที่เหมาะสม แล้วก็ไม่ไปกระทบกับใคร ไม่สร้างความเดือดร้อนหรือไปสร้างความเกลียดชังให้กับใคร

กระแสเพื่อดาราเห็นต่างถูกแบน ผลจากการสร้าง hate speech

ในวันที่ตัวเองได้รับกำลังใจ แต่ขณะเดียวกันก็มีเพื่อนร่วมวงการบันเทิงกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่คนละจุด ถูกขุดประวัติ ถูกแบนจนกระทบต่องานแสดงและรายได้ เพชร มองว่า ทุกอย่างล้วนเป็นผลจากการกระทำนั้น ๆ การเชื่อในเรื่องการเมืองที่แตกต่างกันไม่ใช่เรื่องผิด แต่การแสดงออกที่ต่างกันต่างหาก หากสร้างความรุนแรง สร้าง hate speech หรือสร้างความเกลียดชัง มันก็คือสิ่งที่ติดตัวไปจนวันตาย

ขณะเดียวกันหลายคนที่เคยออกไปม็อบแล้วโดนขุดประวัติ ก็ออกมาพูดตรง ๆ ถึงเหตุผลความรู้สึกและความเชื่อ ณ ขณะนั้น แต่ในตอนนี้เค้ารู้แล้วว่าสิ่งที่เขาทำมันผิด คนก็ให้อภัย แต่หากจะบอกว่าไม่ผิดก็ต้องมีเหตุผลทำไมไม่ผิด สุดท้ายแล้วการพูดคุยด้วยเหตุผล ด้วยคำที่สุภาพ ไม่ใช้อารมณ์จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น

“สงสารนะเอาจริง ๆ คือสงสาร แต่ก็มันเป็นผลของการกระทำ ใช้คำว่ากรรมก็ได้ กรรมก็คือการกระทำ มันก็เป็นผลจากการกระทำนั้น ๆ คือการที่จะเชื่อในเรื่องการเมืองที่แตกต่างกันไม่ใช่เรื่องผิด แต่การแสดงออกต่างหาก”

“ถ้าคุณไม่ขอโทษในสิ่งที่ทำก็คือ ถามว่าผิดไหมผมไม่รู้หรอกว่ามันผิดหรือไม่ผิด แต่ถ้าเริ่มมีเสียงที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ บอกว่าคุณผิด ผมว่าคุณต้องหันกลับมามองแล้วแหละ ว่ามันผิดหรือมันถูก ถ้าคุณยังเชื่อมั่นว่าสิ่งที่คุณทำมันถูกคุณก็เชื่อไป แต่คุณก็ต้องยอมรับในคำติที่กลับมากระแทกคุณ”

เพชร สะท้อนจากบทเรียนที่เคยได้รับตอนชวนคนไปเลือกตั้ง ปี 2557 เขาเล่าว่าโดนด่าทุกช่องทาง แต่ทุกข้อความเขาตอบกลับด้วยเหตุผลหมดเลยว่าทำไมถึงชวนไปเลือกตั้ง เพราะอะไร จะด่าก็ไม่เป็นไร มันเป็นความเห็นที่แตกต่าง

“ผมตอบกลับเป็น 100 ข้อความใช้เวลาทั้งคืน ผมก็ถามตัวเองว่าผมทำไปเพื่ออะไร แต่ผมก็มีคำตอบว่า ถ้าเค้าแรงมา แล้วเราแรงไป มันก็ไม่มีประโยชน์มันสร้างแต่ศัตรู เค้าแรงมาเราก็อธิบายเหตุผล แล้วก็เคารพในความเชื่อเขาเค้า จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจไม่เป็นไร แต่เราได้สื่อสารในสิ่งที่เราต้องการสื่อไปหมดแล้ว”

ไม่จำเป็นต้องกึ่งกลาง สุดโต่งได้ แต่อย่าผลักคนที่เชื่อต่างให้ตกเหว

การออกมาแสดงความพลังเรียกร้องประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพชร มองว่าทุกคนหวังดีกับประเทศ อยากให้ประเทศก้าวหน้าและมีความเจริญ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล การเมืองบ้านเรามันหยั่งรากลึกในความพวกพ้องน้องพี่ ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร เพราะฉะนั้นอย่าเอามาเป็นอารมณ์ จนทำให้ขาดสติ ในการเข้าใจของกันและกัน

“อย่ามองคนที่คิดต่างหรือคนที่เคยผิดพลาดในอดีตว่าเป็นศัตรู จงหาวิธีการที่จะทำให้คนที่เคยคิดต่างกับเรา หรือคนที่เคยคิดต่างอยู่ หรือในอดีตที่เค้าทำผิดพลาดทำยังไงก็ได้ให้เค้ามาเป็นมิตร ให้เค้ามาเข้าใจในสิ่งที่เราเข้าใจ ใช้การสื่อสารที่ตรงประเด็น อย่าใช้อารมณ์ นั่นต่างหากคือสิ่งที่ผมอยากจะให้น้อง ๆ ได้ลองฟังที่ผมพูดดู”

“ผมพูดมาตลอด อย่าใช้ความรุนแรง ใช้เหตุผล ไม่จำเป็นต้องกึ่งกลางก็ได้ คุณมีความเชื่อสุดโต่งนั่นแหละ แต่คุณอย่าผลักคนที่เชื่อต่างจากคุณให้ตกเหว จงดึงเขาเข้ามาในเส้นและพูดคุยกันอย่างคนมีสติ”  เพชร กล่าว

ชีวิตนักแสดงในวัย 44 ปี กับความฝันในวัยเด็กอยากเป็น ‘ตำรวจ’ เพราะอยากมีอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เหมือนพ่อและอยากมีโอกาสช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก แม้เส้นทางอาชีพที่ฝันจะต่างกับชีวิตจริง มีโอกาสรับบทบาทเล่นละครเป็นตำรวจบ้าง 2-3 ครั้ง จนถึง ณ วันนี้ เพชรก็ยังยืนยันว่า เขาก็ยังอยากเป็นตำรวจ ไม่ว่าใครจะถามอีกสักกี่ครั้ง สะท้อนถึงความยุติธรรมจากผู้รักษากฎหมายที่เขาอยากเห็นมาโดยตลอด

เช่นเดียวกับที่ผู้สัมภาษณ์ ถามเพชรว่า “ประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ที่อยากจะเห็นเป็นยังไง” เขาตอบว่า ขอให้มีกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ตัดสินอย่างยุติธรรมและเปิดเผย ไม่ว่าคนผิดจะอยู่ฝั่งเหลือง ฝั่งแดง ฝั่งเขียว ฝั่งหลากสีใด ๆ ก็ตาม ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษอย่างจริงจัง ฉะนั้นหากทำให้ “กฎหมายศักดิ์สิทธิ์” ได้ จะเกิดบรรทัดฐานว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณทำผิดคุณจะต้องถูกลงโทษ

“คนชั่วก็จะคิดก่อนที่จะทำชั่ว คนดีก็จะได้ผลประโยชน์จากการทำความดี ขออย่างเดียวกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ และผู้ตัดสินยืนอยู่บนตาชั่งที่ไม่เอียง”

มุ่งธุรกิจ กับแผนกระจายความเสี่ยงอนาคตชีวิต

เพชร เปิดใจต่อกับ workpointTODAY ถึงผลงานการแสดงและธุรกิจว่า ปัจจุบันเขาเป็นนักแสดงอิสระ งานละครงานก็ลดลงตามสถานการณ์โควิด งานละครถ่ายไม่ได้ ที่จองคิวไว้ก็เลื่อนหมด เขาจึงมีเวลาให้กับการทำธุรกิจที่มีอยู่มากขึ้น ทั้งธุรกิจโรงแรมที่หุ้นกับเพื่อนอยู่ที่จังหวัดชลบุรี และช่วยบริหารร้านอาหารจิตประภัสสรของคุณแม่ (ประภัสสร พานิชกุล อดีตนางสาวไทย พ.ศ. 2509) ที่เปิดมา 30 กว่าปีแล้ว

ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน จากที่เขาเคยเป็นดาราที่ถูกแบนงานละครในอดีต ผลกระทบจากการแสดงจุดยืนทางการเมือง เขาเล่าว่าได้วางแผนกระจายความเสี่ยงในหน้าที่การงานมาระยะหนึ่งแล้ว ด้วยการเปิดคาเฟ่เล็กๆ ในช่วงปีใหม่ 2563 ชื่อ On a Cloud ย่านราษฎรบูรณะ ซอย 4 ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาโฟกัสตอนนี้ ใช้เวลาว่างทั้งหมดทุ่มเทกับที่นี่ ทั้งการเลือกซื้อวัตถุดิบ ทำเบเกอรี่ และเครื่องดื่มเอง และลงมือเป็นแอดมินรับออเดอร์เอง เพื่อหาช่องทางที่จะทำให้คนรู้จักมากขึ้น

“ชื่อร้านก็คือคิดเอง คือคิดว่าจะเอาชื่ออะไรดี คุยไปคุยมาก็เลยบอกว่า อยากให้คนที่เข้ามารู้สึกยังไง เราก็เลยอยากให้คนที่เข้ามากินแล้วหลับตา เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง อยากให้กินแล้วฟิน วิญญาณหลุดออกจากร่าง แล้วลืมตาขึ้นมา เฮ้ยทำไมอยู่บนสวรรค์ พอมานั่งนึกคอนเซปต์แล้วก็ ความคิดเราในสวรรค์คือยังไงอ่ะ ในสวรรค์ก็จะมีเมฆ เหมือนนั่งกินขนมอยู่บนเมฆ เมฆคือ On a Cloud”

อีกมุมหนึ่งของ เพชร รักในการทำอาหารแบบที่ว่า “เรียนมาเพื่อสิ่งนี้” ด้วยกิจการที่บ้าน ทำให้เขาเรียนทำอาหารมาหลายประเภทหลายปีแล้ว ทั้งอาหารไทย อาหารเกาหลี เรียนทำขนมญี่ปุ่น ขนมฝรั่งเศส เรียนของไทยกับญี่ปุ่นจนได้ certificate มาการันตีฝีมือ เบเกอรี่เกือบทุกชิ้นที่คาเฟ่ On a Cloud จึงล้วนเป็นฝีมือของดาราหนุ่มคนนี้เอง

ส่วนวัตถุดิบเบเกอรี่ส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ ใช้ของฝรั่งเศสเป็นหลัก เพราะการใช้แป้งของฝรั่งเศสมันทำให้เทกเจอร์ดีกว่าแป้งจากที่อื่น หอมกว่านุ่มกว่า รสชาดดีกว่า แม้ว่าต้นทุนอาจจะสูงหน่อยแต่ลูกค้ากินแล้วรู้สึกแล้วเค้าแยกได้ว่ามันอร่อย และมีความพรีเมี่ยมมากขึ้น

สำหรับเมนูแนะนำของร้าน ถ้าเป็นอาหารคาวต้องเป็นข้าวผัดกิมจิ กับสปาเกตตี้ขี้เมาทะเล ของหวานก็เป็นเค้กมะพร้าวกับดาร์คเบียร์ ที่ใช้มะพร้าวอ่อนจริง ๆ จากอัมพวา ส่วนดาร์คเบียร์ ใช้เบียร์ดำในการทำ มีรสชาติที่แน่น มีความเป็นโกโก้หนักหาทานยาก  ส่วนเครื่องดื่มต้องอเมริกาโน่น้ำมะพร้าว และอีกอย่างเดอร์ตี้ กาแฟร้อนใส่ในนมเย็นจัด ซึ่งเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน

เมื่อถามเรื่องการเมืองมามาก หากจะถามว่าหัวใจการทำธุรกิจฉบับ ‘เพชร กรุณพล’ คืออะไร เขาตอบว่า

“ไม่เอาเปรียบ ทำทุกอย่างให้คุ้มค่ากับเงินที่เขาจ่าย ให้เขามีความสุขเมื่อเดินเข้ามา มีรอยยิ้มเมื่อเดินออกไป”

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า