เช็กอาการข้างเคียง ไฟเซอร์เด็ก 5-11 ปี

เช็กอาการข้างเคียง ไฟเซอร์เด็ก 5-11 ปี อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยส่วนมากจะอาการไม่รุนแรงและหายไปได้เองใน 1- 2 วัน

วันที่ 26 ม.ค. 2565 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค  กล่าวถึงอาการข้างเคียงหลังฉีดไฟเซอร์เด็ก 5-11 ปี ว่าอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนที่สามารถพบได้คือ ไข้ หนาวสั่น ปวด บวม แดงบริเวณที่ฉีด, ปวดหัว,  ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ, อ่อนเพลีย 

ส่วนมากจะอาการไม่รุนแรงและหายไปได้เองใน 1- 2 วัน ซึ่งเมื่อเทียบกับการฉีดในเด็กโต จากข้อมูลสหรัฐอเมริกาเกิดผลข้างเคียงในเด็กเล็กค่อนข้างน้อยเพราะปริมาณที่ฉีดมีปริมาณน้อยกว่า ดังนั้นผู้ปกครองจะได้ไม่ต้องกังวลใจมากนัก 

ด้านนพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่าหลังฉีดวัคซีนแล้ว เมื่อกลับบ้านไม่ควรให้เด็กออกกำลังกาย ปีนป่าย ว่ายน้ำ ซุกซนต่างๆ สิ่งที่กังวลว่าหลังฉีดยาไปแล้วจะเกิดอาการอะไรบ้าง ก็มีอาการเฉพาะที่ กับอาการทั่วไป 

• อาการเฉพาะที่ที่พบบ่อย

ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด 71-74%

ปวดบวมรุนแรง 0.6%

• อาการทั่วไปที่พบบ่อย 

อ่อนเพลีย 39% 

ปวดศีรษะ 28%

ไข้ 8%

• อาการทั่วไประดับรุนแรงพบน้อย

อ่อนเพลีย 0.9%

ปวดศีรษะ 0.3%

ไข้สูง หนาวสั่น (หายเองหลังทานยาลดไข้)0.1%

ปวดกล้ามเนื้อ 0.1%

นพ.อดิศัย กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้สิ่งที่กังวลอีกเรื่องคืออาการข้างเคียงเรื่องโรคหัวใจซึ่งก็มีจริงแต่ว่าทุกรายสามารถรักษาและหายเป็นปกติได้หมด 

ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่หเลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เด็กป่วยโควิดจะมีอาการไม่มาก ข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า 98% ไม่มีอาการ ส่วนที่พบเสียชีวิตในกลุ่มอายุ 6-12 ปี จากจำนวนกว่าแสนราย มี 10 คน ส่วนใหญ่เป็นโรคประจำตัว ส่วนอายุ 1-6 ปี เสียชีวิต 5 คน ที่ตายส่วนใหญ่เด็กโต หรืออายุน้อยมากๆต่ำกว่า 1 ขวบหรือ 1 เดือน ทั้งนี้ แม้อาการเด็กจะไม่มาก แต่ต้องฉีดวัคซีนโควิด เนื่องจากมีปัญหาแทรกซ้อน เวลาเป็นโควิดไม่มีอาการแล้ว ประมาณ 1 เดือนให้หลังอาจมีอาการอักเสบของอวัยวะต่างๆ ที่เรียกว่า มิสซี (MIS-C) ซึ่งอาจรุนแรงได้ ดังนั้น ไม่เป็นดีกว่า ดังนั้น ฉีดวัคซีนจะดีกว่า ส่วนที่ว่าจะฉีดวัคซีนอะไร รายงานจากทั่วโลกและ อย.ได้รับรองแล้ว คือ ไฟเซอร์ ซึ่งครั้งนี้ไม่เหมือนผู้ใหญ่ โดยของเด็กเป็นสีส้ม ซึ่งปริมาตรจะไม่เหมือนกัน เด็กฉีดที่ 0.2 ซีซี อันนี้ทำมาเฉพาะ เพื่อปลอดภัยและไม่สับสน

ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า หลายคนกลัวการฉีดวัคซีนชนิด mRNA ไม่ต้องกังวล เพราะในอเมริกาฉีดเด็กไปเกือบ 9 ล้านคนแล้วไม่มีปัญหา นอกจากแขนบวมนิดหน่อย ไม่เกิน 2 วันหายหมด ส่วนเรื่องหัวใจที่สหรัฐ ฉีดไป 8-9 ล้านคน พบ 11 คนแต่ไม่รุนแรงและหายได้เอง ทั้งนี้ สหรัฐฉีดห่าง 3 สัปดาห์ ส่วนออสเตรเลียฉีดห่าง 8 สัปดาห์ พบภูมิคุ้มกันสูงขึ้น ผลข้างเคียงน้อยลง และปัญหาโรคหั้วใจก็น้อยลงด้วย ดังนั้น ฉีดห่างน่าจะดีกว่า เราจึงแนะนำของไทยอย่างที่โรงเรียนฉีดห่าง 8 สัปดาห์ ส่วนรพ. เป็น 3-12 สัปดาห์สำหรับเด็กมีโรคเรื้อรัง

ส่วนข้อมูลเรื่องซิโนแวค ซิโนฟาร์ม นั้น มีผู้ปกครองถามมาก็ต้องรอข้อมูลก่อน เพราะขณะนี้ อย.ยังไม่ให้การรับรอง ซึ่งในเด็กต้องรอข้อมูลที่ปลอดภัยด้วย