SHARE

คัดลอกแล้ว

“อยากใช้เพื่อไทยเลือก ส.ก. เพื่อไทย อย่างน้อย 25 เขต!” คือสโลแกนที่ บรู๊ค – ดนุพร ปุณณกันต์ สมาชิกพรรคเพื่อไทยประกาศในเวทีปราศรัยใหญ่เมื่อ 18 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมาในการรณรงค์การเลือกตั้งสมาชิกสภากทม. (ส.ก.) ที่กำลังจะถึงในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 หลังห่างหายไปเกือบทศวรรษ

ในโอกาสนี้ทีมข่าว workpoinTODAY นั่งคุยกับถึงที่มาที่ไปที่ทำให้อดีตพระเอกแถวหน้าของเมืองไทย นักการเมือง 2 สมัยที่หลุดออกจากตำแหน่งด้วยเหตุการณ์ทางการเมือง ซึ่งหลังจากนั้นเขาออกจากโลกการเมืองไปทำธุรกิจส่วนตัว แต่กลับมาอีกครั้งบนเวทีหาเสียง ตลอดจนเรื่องยุทธศาสตร์การส่งส.ก.พร้อมนโยบายของเพื่อไทย และการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้

“เอาจริงๆ เลย ที่พี่กลับเข้ามาพรรคเพื่อไทยนี้ มาจากครั้งแรที่มีการเลือกตั้งซ่อมที่หลักสี่แล้วเราก็สนิทกับผู้สมัคร สุรชาติ เทียนทอง เราได้รับการติดต่อมาบอกว่ามาช่วยผมหน่อยผมจะหาเสียง เราก็เลยมีความรู้สึกว่าเราเคยไปช่วยอย่างนี้ทุกครั้ง แล้วเราก็เลยบอกว่าจะไปช่วยเขาเท่านั้นเอง แล้วน้อง น้องอ๊อฟก็น่ารัก เขาบอกว่าพี่ปี 2562 พี่ไม่ได้ไปช่วยผม ผมสอบตก ปีก่อนพี่ไปช่วยผมผมสอบได้นะ พี่ก็เลยต้องมาช่วยผมนะ พอเราไปช่วยใครเราช่วยเต็มที่ก็ไปเดินหาเสียง 

 

ตอนนั้นคือโควิดระบาด พี่ไม่ได้กลับบ้านเพราะว่าลูกเราสองคนเล็ก เราก็กลัวว่าลูกจะติดโควิด เราเจอคนเยอะ รู้แค่ว่าใส่หน้ากากนะ ล้างมือ แต่อย่าลืมว่าตื่นเช้าลงตลาด ตอนบ่าย ลงชุมชน ตอนเย็นไปเดินชุมชน เมื่อตอนต้นๆ ปีที่เลิกตั้งซ่อมคนยังติดหลักหมื่น กรุงเทพเยอะที่สุด สิ่งที่เราตัดสินใจทําได้ก็คือเราก็เลยไปเช่าโรงแรม แล้วก็อยู่ที่นั่นเลย เจอลูกเวลาลูกเขามาเยี่ยม ฝากเสื้อผ้าไปซัก ใส่หน้ากากเจอกัน  พอเลือกตั้งเสร็จก็กักตัวต่อแล้วก็ไปตรวจอาร์ทีพีอาร์ที่โรงพยาบาลว่าปลอดภัยแล้วถึงเข้าบ้าน นี่คือจุดเริ่มแรกที่กลับเข้ามาทำงานในพรรค

 

พอช่วยเสร็จเราก็ชนะ เราก็ดีใจ แล้วเราก็กลับไปทํางาน พอหลังจากนั้นเขาก็มีการกําหนดการเลือกตั้ง ส.ก. มันก็มีกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นว่า ใครก็ตามที่มีตําแหน่งทางการเมือง เป็นส ส เป็นกรรมาธิการใครก็ตามที่กินเงินรัฐ ไม่ว่าจะเป็ฯเงินเดือนหรือเงินเบี้ยประชุม ก็จะไม่สามารถหาเสียงท้องถิ่นได้ พรรคก็เลยมองว่าทำอย่างไร เพราะหัวหน้าพรรคก็เป็น ส.ส. เลขาฯ หรือรองหัวหน้าพรรคก็เป็น ส.ส. กันหมด ก็เลยมองว่าเอาใครมาช่วยหาเสียง พี่ก็เลยได้รับโทรศัพท์ว่าแให้มาช่วยหน่อยก็เลยเป็นที่มา กลับเข้ามาช่วยในพรรคที่จะมาช่วยกับพี่ๆ หลายๆ ท่าน มาช่วยหาเสียง ส.ก.” 

คราวนี้เพื่อไทยไม่ได้ส่งผู้ว่ากทม. แต่ส่งสก.ครบทั้ง 50 เขต ทำไมถึงตัดสินใจเดินยุทธศาสตร์แบบนี้?

“เนื่องจากว่าเราไม่ได้ส่งผู้ว่าฯ อันนี้เป็นสิ่งที่ ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว เนื่องจากว่าคนที่เราอยากให้มาอยู่กับเราท่านก็อยากไปลงอิสระ  พอไม่ได้ส่งเราก็ต้องย้อนกลับมาดูตัวเองว่าจุดแข็งของพรรคเราคืออะไร เราก็มองว่าคือนโยบายไม่ใช่ตัวบุคคล เราก็เลยคิดว่าถ้าอย่างงั้นเราไปสอบถามประชาชนเลย ให้ผู้สมัครในขณะนั้นไปถามประชาชนมาเลยว่าชาวกรุงเทพฯ อยากเห็นกรุงเทพฯ เปลี่ยนไปยังไง แล้วเราก็มาคิดนโยบายกัน จนเราตกผลึกว่าเป็นนโยบาย และมองว่าเราไม่มีผู้ว่าฯ ไม่เป็นไร แต่เราขายนโยบายของพรรค ซึ่งเป็นนโยบายที่ทําได้จริงตอบโจทย์คนชั้นกลาง คนรากหญ้า หรือคนในกรุงเทพมหานคร เราตั้งต้นจากนโยบายเป็นหลักก่อน ทํานโยบายให้ดี แล้วจึงเฟ้นหาผู้สมัคร ส.ก. ทุกเจเนอเรชั่น มีทั้งอดีตส.ก. มีทั้งคนรุ่นกลาง ทั้งเด็กๆ รุ่นใหม่ ที่อยากทําการเมือง เป็นกระบวนการคิดที่ไม่เหมือนการเลือกตั้งทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา 

เนื่องจากเราไม่มีผู้ว่าฯ ข้อแม้ว่านโยบายของเราก็คือมันไม่สามารถนําไปใช้ได้ทันที สิ่งที่เรารณรงค์มาก็คือเราต้องได้ส.ก. มากพอที่จะเอาเสียงไปยกมือในสภากทม.  เพื่อสนับสนุนว่าเราอยากทําอันนี้เรามีเสียงส.ก. เยอะ ประชาชนในกรุงเทพเรียกเรามา เราอยากเข้าไปผลักดันนโยบายแบบนี้ ส.ก.นั้นไม่ได้แตะงบประมาณ แต่เป็นการไปผลักดันให้งบประมาณเพื่อให้ผู้ว่าฯ นําไปปฏิบัติ พรรคเราเองไม่ได้แตะเงินงบประมาณที่เขาไปลงทุนเลยแม้แต่บาทเดียว แต่เราตรวจสอบว่าคุณทําแล้วทําโปร่งใสไหม ทําถูกต้องไหม ทําแล้วโดนใจประชาชนไหม เท่านั้นเอง 

แล้วเรามองว่าไม่ว่าผู้ว่าฯ จะเป็นใครก็ตาม ท่านจะต้องฟัง เพราะว่านโยบายของเรานั้นตอบโจทย์ให้กับประชาชน นี่คือจุดขายของพรรคเราแล้วเราก็เดินตามแบบนี้จะได้ไม่ต้องมีข้อครหาว่าทุจริต พรรคเราไม่ได้แตะงบประมาณเลย เพียงแต่เราเข้าไปยกมือเพื่อผลักดันนโยบายนี้ให้ท่านผู้ว่าไปทํา แล้วเราก็มาตรวจสอบว่างบนี้ท่านใช้เงินไปเท่าไร ใช้ถูกต้องไหม  เราตรวจสอบความถูกต้องให้เท่านั้น”

ทีม workpointTODAY ไปลงพื้นที่กับ ผู้สมัครส.ก. กลุ่มต่างๆ ส.ก. ในอุดมคติของ กลุ่มต่างๆ ที่เราไปสัมภาษณ์มา ไม่ว่าจะเป็น รักษ์กรุงเทพ พลังประชารัฐ การให้นิยามสหกรณ์ในอุดมคติแตกต่างกัน สําหรับเพื่อไทยแล้วส.ก. ในอุดมคติของท่านต้องมีอะไร?

“อย่างแรกเลยส.ก. คือตัวแทนของประชาชน ท่านต้องทํางานให้ประชาชน ทํางานใกล้ชิดประชาชน เพราะส.ก. คือสภากรุงเทพมหานคร ต้องสามารถประสานกับเขตต่างๆ ได้ในกรุงเทพ 50 เขตเรามี 50 คน เพราะฉะนั้นถ้าประชาชนมีความเดือดร้อนในเขตนั้นๆ ส.ก. ควรจะเป็นคนแรกที่เขานึกถึง เมื่อก่อนเรามี ส.ข. ด้วยน่ะ แต่ส.ข. มันโดนยกเลิกไปแล้ว ต่อไปนี้ ในพื้นที่มีปัญหาอะไร ก่อนไปถึงส.ส. เขาก็นึงถึงส.ก. ก่อนเพราะว่าใกล้ชิดกับคนพื้นที่ สามารถประสานกับทางเขตได้ว่ามีพื้นที่ตรงนั้นเดือดร้อนอะไร เพราะพี่มองว่านิยามของคําว่าส.ก. ของเพื่อไทยก็คือหัวใจคือประชาชนครับ”

เพื่อไทยมักมีนวัตกรรมทางการเมืองอย่างนี้มาตลอด เรื่องการไม่ส่งผู้ว่าแต่ส่งสก. พร้อมนโยบายก็เหมือนกัน ใครเป็นคนคิดนวัตกรรมพวกนี้?

“เรามีผู้ใหญ่หลายท่านที่ผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง พี่มองว่าขุนพลของพรรคเพื่อไทย หลายคนจะโดนว่าเป็นนักรบห้องแอร์ แต่จริงๆ ก่อนที่จะมานั่งในห้องแอร์ แต่ละท่านอยู่ข้างนอกมาเกือบทุกคน ท่านเคยเป็นส.ส.เขต เคยเป็นผู้บริหาร แล้วเราเคยออกนโยบายเพื่อบริหารทั้งประเทศมาแล้ว จําได้ไหม สมัยเลือกตั้งไทยรักไทย เรามี 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน เราก็เลยมองว่าจุดแข็งของเราคือนโยบายไง ถ้าเราจะทํานโยบายดีๆให้คนกรุงเทพเพียงแค่คนไม่กี่ล้านคนนี่พี่เชื่อว่าพรรคเราน่าจะตอบโจทย์ที่สุด “

อยากให้แนะนํานโยบายที่ตัวเองชอบที่สุด

“50 เขต 50 โรงพยาบาล เพราะพี่มองว่าพอผ่านวิกฤตโควิด-19 แล้วเรามีลูกเล็ก สิ่งที่พี่มักจะคุยกับภรรยาเสมอคือถ้าลูกติดจะทํายังไง จะไปไหน จะไปหาอะไรยังไง นี่ขนาดคุณพ่อพี่เป็นหมอ เรายังต้องคิด แล้วประชาชนพี่น้องที่เป็นคนปกติไม่ได้ทํางานอยู่ในสายงานที่ใกล้ชิดกับโรงพยาบาลล่ะเขาจะไปหาหมอที่ไหน พี่เองก็ได้รับโทรศัพท์ความที่พ่อเป็นหมอว่าให้ช่วยหน่อย พี่ก็หาเตียงให้เขาไม่ได้ พี่ก็เลยมองว่าวันนี้นโยบายที่เด่นของเราที่สุดที่พี่ชอบคือโรงพยาบาล  โรคโควิดมันเป็นโรคที่เขาเรียกโรคอุบัติใหม่และไม่รู้ว่ามันจะจบเมื่อไหร่ คุณหมอหลายคนก็บอกว่าไม่จบ เราต้องอยู่ร่วมกับมันให้ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้กรุงเทพต้องเตรียมความพร้อมเรื่องนี้ เตียงต้องมีให้พอ หมอต้องมีให้พอ

ต่อให้คุณทํางานเก่งแค่ไหน จบปริญญาเอก วิ่งทุกวัน วันละ 10 กิโลฯ ถ้าคุณติดโควิดคุณสามารถเสียชีวิตได้ภายในหนึ่งอาทิตย์ สมมติคนชั้นกลาง เรามีเงินเก็บหลักหมื่นหลักแสน ถ้าติดโควิด-19 สามารถล้มละลายได้ทันทีภายในไม่ถึงอาทิตย์ เคยได้ยินข่าวว่าโรงบาลเอกชนบอกเอาเงินมาวางก่อน ลักแสนถึงรับรักษาได้เพราะเขาไม่รู้ว่าค่ารักษาพยาบาลแต่ละคนมันเป็นล้านหรือไม่ และถ้ารัฐอยู่ดีๆ เลิกจ่ายขึ้นมาจะทำอย่างไร

นโยบายของเรากลับไปที่พื้นฐานนับหนึ่งใหม่เลย คนจะทํางานได้หาเงินได้ ร่างกายต้องแข็งแรง  มันก็เลยกลับมาว่านโยบายชอบที่สุดก็คือ 50 เขต 50 โรงพยาบาล และพี่เชื่อว่าผู้ว่าฯ ทุกคนก็จะเห็นด้วยว่ามันควรจะมีเตียงให้เพียงพอได้แล้วในกรุงเทพฯ อย่าคิดว่าคนกรุงเทพรวยทุกคน คนกรุงเทพฯ เองไม่มีความสามารถที่จะเข้าถึงโรงพยาบาลเอกชนได้ทุกคน ส่วนโรงพยาบาลรัฐจะให้เขาไปรอตีสามตีสี่โดยเฉพาะถ้าลูกๆ เขาหรือว่าน้องๆ หนูๆ ที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกเป็นไส้ติ่งอักเสบ ต้องผ่าทันทีถามว่าไปเอกชนโดนเป็นแสน ไปโรงพยาบาลรัฐไม่มีเตียงหรือเตียงเต็มต้องรอก่อน โรคพวกนี้รอไม่ได้ เราจะเห็นข่าวเยอะแยะเลยที่เด็กต้องเสียชีวิตจากการที่ไม่ใช่ความผิดใครครับ แต่เตียงมันเต็มคุณหมอไม่พอจะทํายังไง เพราะฉะนั้นมันก็กลับมาตอบโจทย์ว่านโยบายที่ชอบที่สุดก็คือเรานับหนึ่งใหม่ ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหนคุณจะหาเงินได้เท่าไรก็ตามสุขภาพต้องมาอันดับหนึ่ง”

มันมีคุณสมบัติอะไร นอกจากขวัญใจเพื่อประชาชนนะคะ ที่ สก เพื่อไทย การันตีแน่นอนเลยว่า มีแค่เพื่อไทยมี 

“พี่ว่าสิ่งที่ส.ก. เพื่อไทยมีแต่คนอื่นไม่มีคือนโยบาย เพราะว่าบางคนเขาอยู่เป็นพรรค ผู้ว่าฯ เขามีนโยบาย แต่ ส.ก. หาเสียงโดยไปอิงนโยบายของผู้ว่าฯ มองกลับกัน สมมติกลุ่มหนึ่งส่งส.ก.ลง ซึ่งสก.ของเขาเข้าไปได้เยอะเลย แต่ถ้าผู้สมัครผู้ว่าฯ แพ้ คิดว่าจะทํางานกันยังไง นโยบายที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ หาเสียงไว้ทั้งหมดทําไม่ได้เลย แล้วส.ก.คุณเข้าไปทําอะไร พี่เสียดายคะแนน จะทําหน้าที่อะไร จะผลักดันนโยบายอะไร เข้าไปตรวจสอบหรือ เป็นฝ่ายค้านหรือ พี่ว่ามันแปลกไง แต่เราส่งแต่ ส.ก. ให้คนกรุงเทพเป็นคนดีไซน์ ออกแบบผู้บริหารเอง เลือกคนตรวจสอบเอง เลือกคนที่จะมาผลักดันนโยบายเอง พี่ว่าอันนี้มันเป็นสิ่งที่แปลก หมายความว่าถ้าเกิดว่า ไม่ว่าใครจะได้เป็นผู้ว่ากรุงเทพในวันอาทิตย์นี้ …”

ถ้ามี ส.ก. เพื่อไทยเข้าไปจํานวนมากพอ สิ่งที่ร้องขอมันก็จะการันตีว่าเป็นนโยบาย ได้ใช่ไหมคะ?

“ถูกต้องครับ และแน่นอนถ้าเรามีงส.ก.เพียงแค่ 5 คน นโยบายของเราก็ต้องพับเก็บกลับบ้านเช่นเดียวกัน แต่ถ้าเรามีส.ก.มากพอ นี่เป็นเหตุผลที่เราต้องหาเสียงว่าทําไมต้องมีส.ก. เกิน 25 คนหรือครึ่งสภา เพราะว่างบประมาณทุกบาททุกสตางค์ก่อนที่ผู้ว่าฯ จะเอาไปใช้ได้แต่ละปี มันต้องผ่านสภากทม.เป็นคนดูแลว่างบไปใช้อะไร เราตรวจสอบ เพราะฉะนั้นถ้ามีนโยบายมาก่อนแล้วเราก็ต้องไปเจรจากัน 

พี่เชื่อว่าท่านผู้ว่าฯ ทุกคนที่จะมาเห็นนโยบายของพรรคเราก็อาจจะซื้อก็ได้ ชอบนโยบายอันนี้ก๋เอามาคุยกัน เอานโยบายของเราใส่ไว้ในงบประมาณ เดี๋ยวเรายกมือสนับสนุนงบประมาณนี้ เพราะรู้ว่านโยบายเรากําลังจะลงไปถึงประชาชนที่เราหาเสียงไว้ 

พี่มองว่ามันก็กลายเป็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่ยึดติดกับผู้ว่าแม้แต่คนเดียว ใครมาก็ได้ ถ้าเรามีเสียงมากพอ เราผลักดันนโยบายเราให้ลงมาถึงพี่น้องประชาชน พี่ยังเชื่อจริงๆ ผู้ว่าฯ ทุกคนที่ลงมารับการเลือกตั้งครั้งนี้ จาก 30 กว่าคน ทุกคนอยากเห็นกรุงเทพดีอยากเห็นกรุงเทพพัฒนา อยากเห็นประชาชนกรุงเทพลืมตาอ้าปากได้ทั้งนั้น ก็มีนโยบายของพรรคเราตอบโจทย์ ไม่จําเป็นต้องเอาของเราไปทําทุกอัน แต่อย่างน้อยอันไหนที่ท่านไม่มี ก็สามารถเอาของเราไปเติมเต็มได้”

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า