การเมืองฟิลิปปินส์ยังคงเวียนวนอยู่ในวังวนเดิม? เมื่อโรดริโก ดูแตร์เต อดีตประธานาธิบดีซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) กลับคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา ด้วยคะแนนเสียงทิ้งห่างคู่แข่งแบบถล่มทลาย
แม้จะเป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น แต่ผลลัพธ์ครั้งนี้สะท้อนมิติทางการเมืองหลายด้านของฟิลิปปินส์ การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญอย่างไร? เราสรุปให้เข้าใจง่ายที่สุดไว้ในโพสต์นี้
[ฟิลิปปินส์จัดการเลือกตั้งอะไร]
เมื่อวานนี้ (12 พ.ค.) ฟิลิปปินส์จัดการเลือกตั้งกลางเทอมระดับประเทศและท้องถิ่นครั้งใหญ่ ซึ่งจะมีผลต่อการแต่งตั้งตำแหน่งทางการเมืองทั่วประเทศมากกว่า 18,000 ตำแหน่ง และที่น่าจับตาอย่างยิ่งคือ การเลือกตั้งครั้งนี้กลายเป็นเวทีขับเคี่ยวของสองตระกูลใหญ่ที่เคยเป็นพันธมิตรกันมาก่อนจะกลายมาเป็นคู่ปรับทางการเมืองในปัจจุบัน ได้แก่ ตระกูล ‘ดูแตร์เต’ และ ‘มาร์กอส’
การเลือกตั้งกลางเทอมของฟิลิปปินส์จะจัดขึ้นทุก 3 ปี เพื่อเลือกผู้ที่จะดำรงตำแหน่งในช่วงกลางวาระของรัฐบาล ได้แก่ สมาชิกวุฒิสภา 12 ที่นั่ง (จากทั้งหมด 24), สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 317 ที่นั่ง, ผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าฯ 82 ตำแหน่ง, นายกเทศมนตรีและรองนายกฯ ทั่วประเทศ 1,642 ตำแหน่ง และสมาชิกสภาท้องถิ่นอีกกว่า 14,000 ตำแหน่ง
[ผลเลือกตั้งเป็นอย่างไร]
โรดริโก ดูแตร์เต อดีตประธานาธิบดีวัย 80 ปี ชนะเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา แม้ขณะนี้จะถูกคุมขังอยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตามคำสั่งศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) จากข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ จากการทำสงครามยาเสพติดที่คร่าชีวิตประชาชนไปนับพันคน
ดูแตร์เตได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนกว่า 660,000 คะแนน ทิ้งห่างคู่แข่งถึง 8 เท่า สะท้อนถึงอิทธิพลทางการเมืองที่ยังเหนียวแน่นในบ้านเกิด ขณะที่ลูกชายของเขา เซบาสเตียน ได้รับเลือกเป็นรองนายกเทศมนตรี เปาโล ลูกชายคนโตได้เป็น ส.ส. อีกสมัย และหลานชายอีก 2 คนก็ชนะเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ยืนยันว่าตระกูลดูแตร์เตยังเป็นพลังสำคัญในภูมิภาคนี้
ที่สำคัญกว่านั้นคือผลการเลือกตั้งวุฒิสภาซึ่งฝ่ายสนับสนุนดูแตร์เตสามารถคว้าที่นั่งได้หลายตำแหน่งถือเป็นปัจจัยสำคัญต่ออนาคตของซาราดูแตร์เตรองประธานาธิบดีซึ่งกำลังเผชิญกระบวนการถอดถอนหลังถูกกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริต
โดยการลงมติถอดถอนในวุฒิสภาต้องใช้เสียง 2 ใน 3 จากสมาชิกทั้งหมด 24 คน หรืออย่างน้อย 16 เสียง หากไม่ผ่าน เธอจะรอดพ้นจากการถูกปลดจากตำแหน่งและตัดสินทางการเมือง ซึ่งเท่ากับว่า ซารา ดูแตร์เต จะยังมีสิทธิลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2028 ได้
ดังนั้น ยิ่งฝ่ายสนับสนุนดูแตร์เตคว้าที่นั่งวุฒิสภาได้มากเท่าใด ก็ยิ่งเป็นหลักประกันความมั่นคงทางการเมืองของซารา ดูแตร์เต แม้พรรคของ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘บองบอง’ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน จะยังครองเสียงข้างมาก แต่ผลการเลือกตั้งที่ปรากฏออกมา ได้แสดงให้เห็นว่า ซาราและตระกูลดูแตร์เตยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากฐานเสียงจำนวนมาก
[‘ซารา ดูแตร์เต’ กับอนาคตการเมืองบนเส้นด้าย]
การเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้มีความสำคัญต่ออนาคตของทายาทตระกูลดูแตร์เตอย่างชัดเจน แต่ก่อนจะไปไกลถึงปี 2028 เราต้องย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งระหว่างสองตระกูลใหญ่ ที่กำลังสั่นคลอนการเมืองฟิลิปปินส์อยู่ขณะนี้
เดิมทีตระกูลดูแตร์เตกับมาร์กอสเคยเป็นพันธมิตรกัน โรดริโก ดูแตร์เต สนับสนุนมาร์กอส จูเนียร์ ลงสมัครประธานาธิบดี พร้อมส่งลูกสาว ซารา ดูแตร์เต ลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในฐานะคู่หูทางการเมือง ผลคือทั้งคู่ชนะการเลือกตั้ง
แต่หลังร่วมกันตั้งรัฐบาลได้ไม่นาน ซาราก็ออกมาวิจารณ์บองบองอย่างรุนแรงว่า “ทำงานไม่เป็น” และ “ไม่รู้วิธีเป็นประธานาธิบดี” ถึงขั้นประกาศว่า ไม่เคยเป็นเพื่อนกับบองบอง และการเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นแค่ความร่วมมือทางการเมืองเท่านั้น
ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อซาราออกมาพูดว่าเธอได้เตรียมนักฆ่าไว้ หากเธอถูกลอบสังหาร ก็จะให้ลอบสังหารบองบองตอบโต้ด้วย ทำให้รัฐบาลยื่นเรื่องสอบสวนซาราในข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และนำไปสู่กระบวนการถอดถอน ซึ่งหากผ่านวุฒิสภา ซาราอาจหมดสิทธิลงชิงตำแหน่งในปี 2028
ความร้าวลึกยิ่งชัดเจนขึ้น เมื่อประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ ตัดสินใจเปลี่ยนจุดยืนจากเดิมที่เคยปฏิเสธความร่วมมือกับ ICC มาเป็นยอมให้จับกุมและส่งตัวอดีตประธานาธิบดีดูแตร์เต ไปยังกรุงเฮก เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี นับเป็นจุดแตกหักอย่างแท้จริงระหว่างทั้งสองตระกูล
[ถึงเวลา ‘โรดริโก ดูแตร์เต’ กลับมาทวงอำนาจคืน]
การส่งตัวอดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เตให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ เป็นความพยายามที่ถูกมองว่าเกิดจากแรงกระเพื่อมทางการเมือง เพื่อสกัดเส้นทางของตระกูลดูแตร์เต และเปิดทางให้ตระกูลมาร์กอสขยายอิทธิพลต่อไปในอนาคต
แต่ผลลัพธ์กลับสวนทางกับสิ่งที่มาร์กอส จูเนียร์ คาดหวัง เพราะผลการเลือกตั้งกลางเดิมที่เพิ่งเกิดขึ้น ปรากฏว่า โรดริโก ดูแตร์เต ชนะการเลือกตั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา ซึ่งเป็นฐานเสียงประวัติศาสตร์ของเขามานานกว่า 30 ปี
นี่จึงไม่ใช่เพียงแค่การทวงคืนอำนาจ” ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของตระกูลเท่านั้น แต่ยังเป็นการประกาศว่าเขายังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญในสนามการเมือง แม้ตัวจะอยู่ไกลถึงกรุงเฮกก็ตาม และที่สำคัญชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงฟื้นคะแนนนิยมส่วนตัวของเขาให้กลับมา แต่ยังเสริมพลังให้กับซารา ดูแตร์เต ลูกสาวที่ยังมีโอกาสลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2028 หากไม่ถูกตัดสิทธิ์จากข้อหาทางการเมือง
[ทำไมโรดริโก ดูแตร์เตถึงลงสมัครได้ และจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป]
แม้จะอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของศาลอาญาระหว่างประเทศในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ แต่กฎหมายภายในของฟิลิปปินส์ไม่ถือว่าโรดริโก ดูแตร์เตเป็นผู้หมดสิทธิทางการเมือง เพราะเขายังไม่ถูกพิพากษาโดยศาลภายในประเทศ และฟิลิปปินส์เองก็ถอนตัวจากการเป็นภาคี ICC ไปตั้งแต่ปี 2019 แล้ว
ดังนั้น การเลือกตั้งจึงเป็นไปตามข้อกฎหมายในประเทศ โดยดูแตร์เตสามารถมอบอำนาจให้ทีมงานดำเนินเรื่องแทน และลงสมัครได้แม้อยู่ต่างแดน ขณะที่ฝ่ายของเขาก็เตรียม ‘รองนายกเทศมนตรี’ ซึ่งก็คือ เซบาสเตียน ดูแตร์เต ลูกชายของโรดริโก เอาไว้ เผื่อในกรณีที่เขาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายได้จริง
ภาพที่ออกมาจึงเป็นเหมือนสัญญาณการกลับมาทางการเมืองของตระกูลดูแตร์เต ที่ยังคงเดินหมากบนกระดานอย่างแข็งแรง แม้จะต้องสู้ทั้งกับกฎหมายระหว่างประเทศ และพันธมิตรเก่าอย่างตระกูลมาร์กอสก็ตาม ส่วนผลในสนามใหญ่จะออกมาเป็นอย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไปในปี 3 ปีข้างหน้า