สมาคมธนาคารไทยแนะ 5 แนวทางควรปฏิบัติ ป้องกันภัยทางการเงิน กรณีซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หลังเกิดเหตุการณ์ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนจากการใช้บริการซื้อของออนไลน์ ทำธุรกรรมทางการเงินโดยการผูกบัญชีบัตรเดบิตไว้กับผู้ให้บริการร้านค้า และถูกตัดเงินเพื่อชำระค่าสินค้าหลายครั้งในลักษณะเป็นอัตโนมัติ จึงรวมตัวกันเข้าร้องเรียนกับคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สบค.)
ขณะที่ช้อปปี้ ประเทศไทย ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผู้ร้องเรียนอาจเป็นผู้เสียหายจากการหลอกลวงออนไลน์ (Phishing Scam) หรือ ฟิชชิ่ง และช้อปปี้ประเทศไทยยืนยันที่จะให้ความช่วยเหลือในขั้นตอนการตรวจสอบอย่างเต็มที่ให้กับผู้เสียหาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ชมรมป้องกันการทุจริตและศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร (TB-CERT) แนะแนวทางควรปฏิบัติดังนี้
- หากต้องการผูกบัญชีธนาคารเพื่อใช้ซื้อสินค้า ลูกค้าควรกำหนดวงเงินใช้งานเท่าที่จำเป็น โดยผูกกับบัญชีที่มีจำนวนเงินไม่สูงมาก หรือในวงเงินที่รับความเสี่ยงได้
- ยกเลิกการผูกบัญชีธนาคารกับร้านค้าออนไลน์ หากไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานแล้ว
- ตั้งค่าแจ้งเตือน เพื่อรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้ทันท่วงที
- ไม่เปิดเผยรหัสผ่าน PIN หรือข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลอื่น
- ศึกษาทำความเข้าใจข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้งาน รวมถึงมาตรการความปลอดภัยของแพลตฟอร์มก่อนตกลงทำธุรกรรมใดๆ
กรณีที่ลูกค้าสงสัยว่าตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ควรปฏิบัติดังนี้
- เปลี่ยนรหัสผ่านของระบบบัญชีออนไลน์นั้น
- ติดต่อธนาคาร หรือผู้ให้บริการซื้อขายสินค้าออนไลน์ เพื่อตรวจสอบความผิดปกติของบัญชีหรือธุรกรรมโดยเร็วที่สุด
สมาคมธนาคารไทย ขอให้ผู้ใช้บริการศึกษาวิธีการรักษาข้อมูลของตนเองให้ปลอดภัย เพื่อป้องกันภัยจากมิจฉาชีพที่มาในหลากหลายรูปแบบ หากผู้ใช้บริการมีข้อสงสัยโปรดติดต่อคอลเซ็นเตอร์ธนาคารหรือช่องทางที่เป็นทางการของธนาคารที่ทำธุรกรรม หรือผู้ให้บริการซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่ใช้บริการ