เกิดเหตุไฟไหม้โต๊ะหมู่บูชาในอุโบสถวัดราชบูรณะ จนท.ดับเพลิงเทศบาลนครพิษณุโลกรุดควบคุมเพลิง คาดเกิดจากธูปเทียนที่มีผู้ฝ่าฝืนจุดไว้หน้าพระประธาน หลังจากมาเวียนเทียนวันอาสาฬหบูชา โดยปกติจะปิดไม่ให้คนเข้า เพราะอยู่ระหว่างช่วงบูรณะจิตรกรรมฝาผนังโดยกรมศิลปากร พบจิตรกรรมฝาผนังสมัยร.4 ที่อยู่ระหว่างการบูรณะ ได้รับความเสียหายจากเขม่าควันสีดำที่เกาะเต็มฝาผนัง
เวลา 05.45 น. วันนี้ (17 ก.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุไฟไหม้ในอุโบสถวัดราชบูรณะ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ที่เกิดเหตุพบกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากชายคาด้านบนของอุโบสถ จนท.ดับเพลิงของเทศบาลนครพิษณุโลก รุดนำสายน้ำเข้าไปฉีดควบคุมเพลิงภายในอุโบสถ ที่ต้นเพลิงเกิดบริเวณโต๊ะหมู่บูชาหน้าพระประธาน ที่ไฟลุกไหม้ได้รับความเสียหายบริเวณดังกล่าวทั้งหมด
จนท.ดับเพลิงใช้เวลาควบคุมเพลิงประมาณ 20 นาที และใช้เครื่องดูดควัน ดูดควันดำภายในอุโบสถออกมาภายนอก โดยมีร้อยเวรพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก มาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุที่ได้ประสาน จนท.ตำรวจ มาตรวจสอบสาเหตุเพลิงไหม้อีกครั้งหนึ่ง
พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ทราบเหตุประมาณ 05.30 น. มีกลุ่มควันสีดำลอยออกมาจากภายในอุโบสถ จึงรีบโทรแจ้ง จนท.ตำรวจและดับเพลิง โดยบริเวณโต๊ะหมู่บูชา ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ทั้งหมด และที่น่าห่วงคือ จิตรกรรมฝาผนังน่าจะได้รับผลกระทบด้วย เพราะมีคราบเขม่าสีดำ เกาะเต็มจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ระหว่างการบูรณะโดยกรมศิลปากร
โดยปกติแล้วภายในอุโบสถไม่ได้เปิดให้คนเข้าไป เพราะกรมศิลปากร อยู่ระหว่างการบูรณะจิตรกรรมฝาผนังด้วยงบประมาณ 1.5 ล้านบาท จึงไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้า และห้ามจุดธูปเทียน เพราะภายในมีวัตถุไวไฟที่ใช้ในการบูณะจิตรกรรมฝาผนัง แต่เมื่อคืนเป็นวันอาสาฬหบูชา มีการเวียนเทียน คาดการณ์ว่าญาติโยมจะเข้าไปจุดธูปเทียนแล้วไม่ได้ดับ จึงเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น ยังไม่ทราบว่าจิตรกรรมฝาผนังจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด ต้องรอจนท. กรมศิลปากรมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง

พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ อ.เมือง จ.พิษณุโลก
พระครูสิทธิธรรมวิภัช เผยต่ออีกว่า วันนี้วันเข้าพรรษา ทางวัดจะต้องทำพิธีมหาปวารณาเข้าพรรษา ที่พระภิกษุสงฆ์ต้องทำพิธีในภาคเย็นภายในอุโบสถ ต้องรอดูก่อนว่าจะทำพิธีได้หรือไม่ สำหรับอุโบสถวัดราชบูรณะเป็นโบราณสถานเก่าแก่ในเขตภาคเหนือตอนล่าง สมัยอยุธยา ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่คาดว่าเป็นจิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่แห่งในภาคเหนือ ด้านล่างเป็นภาพวาดกมากรีฑา ด้านบนเป็นรามเกียร และมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง ฝาแฝดอินจัน ในยุคต้นรัตนโกสินทร์อยู่ด้วย
ทั้งนี้ กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนวัดราชบูรณะไว้เป็นโบราณสถาน ในประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 53 ตอน 34 วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2479 และกรมศิลปากรได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบูรณะ ดังนี้ คือ ปี พ.ศ. 2528 บูรณะวิหารหลวง ปี พ.ศ. 2530 อนุรักษ์ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ และปี พ.ศ. 2533 บูรณะเจดีย์หลวง ดยเสริมความมั่นคงทางรากฐาน และต่อยอดพระเจดีย์ทรงลังกาซึ่งหักชำรุดหายไปให้บริบูรณ์ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นสันนิษฐานว่าได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เพราะได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ แล้วให้ช่างเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง เรื่องรามเกียรติ์ และมีการบูรณปฏิสังขรณ์พระวิหารแล้วให้ช่างเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง เรื่องพระพุทธประวัติ โดยจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถนั้น ได้รับความเสียหายจากน้ำฝนและความชื้น จากสภาพหลังคาที่อายุเก่าแก่ จึงนำมาสู่การบูรณะครั้งหลังคาอุโบสถล่าสุดในปี 2556 และงานอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนังในปี 2562