พระจูเลียน สึกเเล้ว เปิดใจขอโทษคนไทย ยันจะนุ่งขาวปฏิบัติธรรม ช่วยชาวบ้านต่อไป

พระจูเลียนลาสิกขาบทแล้ว ที่วัดบ้านแปะ เปิดใจ เสพเมถุนสีกา 2 คน ขอโทษคนไทยทุกคน พร้อมยืนยันจะนุ่งขาวห่มขาวปฏิบัติธรรม และช่วยชาวบ้านต่อไป  

วันที่ 10 ส.ค. 62 พระจูเลียน ดีซิเลต พระชาวแคนนาดาที่ถูกยกให้เป็นนักบุญแห่งขุนเขา ก็ได้เข้าพิธีลาสิกขาบทจากเพศบรรพชิตแล้ว หลังจากที่ออกมายอมรับว่าได้อาบัติปาราชิกด้วยการเสพเมถุน ตามที่เรื่องราวถูกเปิดเผยในโลกโซเชียลจริง

โดยเมื่อเวลา 15.20 น. วันนี้ พระจูเลียนได้เดินทางไปที่วัดบ้านแปะ ต.บ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เข้าพิธีลาสิกขาบท กับพระครูสุจิตปัญญารัตน์ เจ้าอาวาสวัดบ้านแปะ พระอุปัชฌาย์ ซึ่งก่อนจะลาสิกขาบท พระครูสุจิตปัญญารัตน์ได้สอบถามข้อเท็จจริงภายในพระวิหาร โดยไม่อนุญาตให้สื่อเข้าร่วมรับฟัง ก่อนที่จะทำพิธีลาสิกขาบท

พระจูเลี่ยน ยอมรับว่า เมื่อ 6 ปี ก่อนหน้านี้ ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงสาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี จากนั้น 2 ปี ที่ผ่านมา ก็ได้มีความสัมพันธ์กับหญิงชาวไทยอีกคนหนึ่ง ที่สำนักสงฆ์หมู่บ้านปูทา ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่ได้จำพรรษาอยู่

โดยหญิงชาวไทยคนนี้อาศัยอยู่ที่ประเทศสวีเดน และได้เดินทางมาปฏิบัติธรรม ที่สำนักอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง หลังจากเดินทางกลับ ก็ได้ติดต่อกันโดยตลอด ซึ่งหญิงคนนี้ต้องการจะแต่งงานและมีครอบครัวด้วย แต่ตนเองมีความต้องการที่จะอยู่ปฏิบัติธรรมมากกว่า จึงปฏิเสธ ก่อนจะบล็อกการติดต่อไปในที่สุด

หลังจากนั้นจึงได้ปรึกษาพระอุปัชฌาย์ จนนำไปสู่การลาสิกขาบทจากความเป็นพระ และเข้าสู่การเป็นสามเณร ก่อนจะเกิดเรื่องหญิงชาวไทย และนำมาสู่การลาสิกขาบท เพื่อแสดงความรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น

พระจูเลียน ขอโทษคนไทยและชาวพุทธทุกคนที่สร้างความมัวหมองให้กับพุทธศาสนา เรื่องที่เกิดขึ้นเข้าใจดีว่าเป็นการกระทำที่ผิดพระธรรมวินัย และขอรับผิดชอบด้วยการลาสิกขาบท และยืนยันว่า แม้จะลาสิกขาบทไปแล้ว แต่ยังมีศรัทธาต่อพระพุทธศาสนามิเสื่อมคลาย

หลังจากนี้จะเดินทางกลับไปที่ อ.สบเมย เพื่อสานต่องานบริจาคสิ่งของให้กับเด็กๆ และ ผู้ยากไร้ให้เสร็จในช่วงวันที่ 14-16 ส.ค. นี้ จากนั้นจะเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่งที่จังหวัดร้อยเอ็ด ประมาณ 3 เดือน และจะเดินทางกลับมาที่สำนักปฏิบัติธรรมบ้านปูทา อ.สบเมย โดยตั้งใจนุ่งขาวห่มขาวและจะอยู่ปฏิบัติธรรมและช่วยเหลือชาวบ้านต่อไป