SHARE

คัดลอกแล้ว

ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.ที่พูดถึงมากที่สุดชั่วโมงนี้ ในเรื่องความสามารถไม่มีใครสงสัย เพราะแม้แต่คนจากฝั่งรัฐบาลยังกล่าวคำชื่นชม แต่เรื่องของพฤติกรรมส่วนตัวของเขากลับโดนตั้งคำถามขึ้น

 

เรื่องราวดราม่าของพิธา กับภรรยา “ต่าย” ชุติมา ทีปะนาถเป็นอย่างไร และโยงไปกับเรื่องการเมืองของเขาในทิศทางไหน Workpoint News จะสรุปประเด็นสำคัญทั้งหมดใน 20 ข้อ

1) “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นลูกชายของพงศ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและสหกรณ์

2) พิธา เรียนจบประถมที่กรุงเทพคริสเตียน ไปต่อมัธยมที่ประเทศนิวซีแลนด์ ก่อนมาต่อ ป.ตรี ที่ธรรมศาสตร์ และจบเกียรตินิยมอันดับ 1 อย่างสวยงาม จากนั้นบินไปอเมริกา เรียนจบปริญญาโทสองใบ จาก 2 มหาวิทยาลัยระดับโลก ฮาร์วาร์ด และ MIT

3) คุณพ่อของพิธา เริ่มก่อตั้งบริษัทชื่อ ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันดิบจากรำข้าว แต่ยังไม่ทันได้บริหารงาน ก็มีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ในปี 2006 นั่นทำให้ พิธา วัย 25 ปี ในฐานะลูกชายคนโตของที่บ้าน ต้องรับบทบาทซีอีโอ บริหารทั้งองค์กรด้วยตัวเอง

4) พิธาเปิดเผยกับไทยรัฐว่า บริษัทกู้เงินจากธนาคารมา 170 ล้าน เพื่อซื้อข้าวจากโรงสี แต่เขาใช้เวลา 5 เดือน พลิกจากติดหนี้แบงค์ กลับมาเป็นกำไรได้ และมียอดขายระดับพันล้าน

5) พิธาเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก และมีฐานะดีมากเป็นถึงเจ้าของบริษัท ไม่แปลกที่เขาจะเป็นหนุ่มในฝันของสาวๆ โดยในปี 2009 นิตยสาร CLEO มีชื่อเขาติด 1 ใน 50 หนุ่มโสดในฝันแห่งปีอีกด้วย

ก่อนแต่งงาน พิธา มีข่าวลือกับดาราสาวในวงการบันเทิงหลายคน ไม่ว่าจะเป็นตอง ภัครมัย โปตระนันทน์ และ ไหม วิสา สารสาส แต่จริงๆแล้ว เขามีแฟนอยู่แล้ว ซึ่งได้แก่ ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ นักแสดงสาวคนดัง จากค่าย GDH ที่เล่นหนังฮิตมากมาย ทั้ง Seasons Change, ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น และ หนีตามกาลิเลโอ ฯลฯ

6) ทิม พิธา กับ ต่าย ชุติมา เจอกันจากคำแนะนำของเพื่อน โดยในเดือนธันวาคม 2008 ต่ายกำลังถ่ายหนังหนีตามกาลิเลโอที่ เวนิส ทางพิธาตอนนั้นเรียนอยู่ที่อเมริกา เขากำลังจะกลับไทยพอดี จึงตัดสินใจแวะที่เวนิสก่อน เพื่อไปทำความรู้จักกับต่าย และทั้งสองคนก็เริ่มคบหาดูใจกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

หลังคบกัน 3 ปีครึ่ง ในปี 2012 ทั้ง 2 คนเข้าพิธีวิวาห์ เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และ ในปี 2015 ให้กำเนิดบุตรสาว น้อง “พิพิม”

7) พิธา กับ ต่าย ชุติมา เป็นคู่รักที่หลายคนอิจฉา จนปลายปี 2018 ก็มีเรื่องที่ทุกคนเซอร์ไพรส์ เมื่อต่ายยืนยันว่า แม้จะยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน แต่ตอนนี้ ยุติความสัมพันธ์ของสามีภรรยากันเรียบร้อยแล้ว

8.) ต่าย ไปออกรายการ Club Friday และเล่าให้ฟังถึงปัญหาในชีวิตคู่ที่เธออึดอัดใจ เช่น สามีบังคับไม่ให้กลับบ้านเกิน 18.00 น. ตั้งแต่แต่งงานมา หรือ เธอเผลอไปชมพระเอกฮอลลีวู้ด โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ว่าเซ็กซี่จัง แล้วต้องกลายมาเป็นทะเลาะกันรุนแรง ถึงขั้นต้องกราบขอโทษ

รวมถึงเคยไปให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐ เปิดเผยว่า หลังแต่งงาน พิธา เคยขอไม่ให้ต่ายคบกับเพื่อนที่เป็นเกย์ หรือเป็นทอม หรือคนที่ลักษณะภายนอกไม่ใช่ผู้หญิง ด้วยเหตุผลว่าไม่เหมาะสม รวมถึงต้องใช้ชีวิตด้วยการมีกล้องวงจรปิดคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของตัวเองตลอด

9) มีนาคม 2019 รอยแตกร้าวของสองฝ่ายเพิ่มมากขึ้น ทิม พิธา ฟ้องหย่า เพื่อขอสิทธิในการดูแลลูกทั้งหมดเป็นของตัวเอง ขณะที่ต่ายฟ้องกลับในคดีการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ต่ายฟ้องศาลว่า ทิมทำร้ายร่างกาย

เท่ากับว่าศาลต้องตัดสิน 2 คดีแยกกัน

คดีที่ 1 พิธา ฟ้องหย่า และขอสิทธิดูแลลูก
– ในตอนแรกศาลให้พิธาชนะ ได้สิทธิดูแลลูก เพราะต่ายไม่มาขึ้นศาล ในวันที่มีนัดหมาย แต่ต่ายยืนยันว่า หมายศาลส่งไปผิดที่อยู่ เธอไม่รู้เรื่องมาก่อนเลยว่าต้องมาขึ้นศาลวันไหน คำอ้างของต่ายฟังขึ้น ศาลพิจารณาคดีใหม่ แต่สุดท้าย พิธาตัดสินใจ ถอนฟ้อง ทำให้ พิธา กับต่าย ยังคงเป็นสามีภรรยากันตามเดิม มีสิทธิในตัวลูก 50 : 50 เท่ากัน

คดีที่ 2 ต่าย ฟ้องทิม ข้อหาทำร้ายร่างกาย
– ศาลตัดสิน ยกฟ้อง เนื่องจากบาดแผลที่เกิดขึ้นของฝ่ายหญิง ไม่มีหลักฐานพอ ว่าเกิดจากการทำร้ายของฝ่ายชาย

โดยต่าย ให้สัมภาษณ์กับไนน์ เอ็นเตอร์เทน ว่า “พอไต่สวนแล้ว มีการทำร้ายร่างกายจริง แต่ไม่ถึงกับเป็นความรุนแรงในครอบครัว แต่มันกระทบจิตใจเรา คือมันไม่รุนแรง แต่ก็ทำให้มีความกังวลในการอยู่ร่วมกัน”

ขณะที่ตัว ทิม-พิธา เคยชี้แจงเรื่องครอบครัว แต่ไม่เคยลงดีเทล เนื่องจากระบุว่าไม่ต้องการให้กระทบกับตัวลูก

“เรื่องภายในครอบครัวที่ท่านแนะนำมาว่าควรเป็นเรื่องระหว่างคน 2 คน ผมเห็นด้วยครับ เป็นเพื่อน ช่วยกันเลี้ยงลูก เพราะผมยังมองถึงความผาสุกของลูกเป็นที่ตั้ง ขอให้ผมได้อยู่กับลูกอย่างสงบเถอะครับ” พิธาโพสต์ข้อความผ่านทางอินสตาแกรม แต่ไม่เคยพูดปฏิเสธหรือยอมรับชัดเจน

10) ปัจจุบัน ทิม กับ ต่าย จึงไม่มีคดีความอะไรต่อกันอีกแล้ว แต่ทั้งคู่ยังคงแยกกันอยู่ และจัดสรรการใช้เวลาร่วมกับลูกสาว โดยทั้งคู่ยังไม่มีข่าวว่าเริ่มคบหากับคนใหม่

11) ในชีวิตการทำงาน ทิม พิธา เป็นกรรมการผู้จัดการของธุรกิจบ้านตัวเองตั้งแต่เรียนจบ ก่อนจะมารับงานเป็น Executive Director ของ Grab เมื่อช่วงต้นปี 2018 จากนั้นเขาก็ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อกระโดดมาเล่นการเมือง โดยเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อคนที่ 4 ของพรรคอนาคตใหม่

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคยประกาศไว้อย่างชัดเจนว่าถ้าอนาคตใหม่เป็นรัฐบาล พิธา คือคนที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ของพรรค เนื่องจากมีความรู้โดยตรงเรื่องเกษตรกรรม

12) หลังจากสิ้นสุดการเลือกตั้ง พรรคอนาคตใหม่ได้สส.ปาร์ตี้ลิสต์ทั้งหมด 50 คน ทำให้พิธา ได้กลายเป็น สส. ตั้งแต่การเล่นการเมืองสมัยแรก

13) พิธา เป็นชื่อที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด ในการอภิปรายแถลงนโยบายรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อแนะนำนโยบายการเกษตรในชื่อ กระดุม 5 เม็ด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ซึ่งการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ทำให้ทั้งรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ รมว.กระทรวงมหาดไทย อนุพงษ์ เผ่าจินดา ถึงกับยอมรับในไอเดีย และการนำเสนอ

14) ความโดดเด่นของพิธา ทำให้ผลโหวตจาก Superpoll หลังการอภิปราย เขาเป็น “ดาวสภา” เบอร์ 1 ของการอภิปรายหนนี้ แต่ในอีกมุม การเป็นดาวสภาที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด กลับทำให้พิธา ถูกเพ่งเล็งมากขึ้นเช่นกัน และมีการย้อนไปสืบค้นประวัติของพิธาในอดีต เพื่อตั้งคำถามว่า เขาเคยมีบาดแผลอะไรในอดีตหรือเปล่า

15) ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ โพสต์สเตตัสโจมตีพิธา อย่างหนักหน่วง เกี่ยวกับพฤติกรรมที่กระทำต่อต่าย ชุติมา ในเฟซบุ๊กของตัวเองว่า

“นักการเมืองรุ่นใหม่ต้อง
#ตีเมีย
#ห้ามเมียมีเพื่อนเป็นเกย์หรือทอม
#ห้ามกลับบ้านเกินหกโมงเย็น
#ห้ามชมพระเอกหนังว่าเซ็กซี่จัง
#ชมพระเอกหนังต้องสำนึกผิดโดยการกราบ

ดาวดวงใหม่ ของรัฐสภา
ชื่นชมได้เพียง..ข้ามคืน ดาวตกซะแย้ว”

16) นอกจากเรื่องการใช้ความรุนแรงแล้ว ในโลกออนไลน์ ยังหยิบประเด็นเรื่องการเหยียดเพศของ พิธา ขึ้นมาด้วย โดยเฉพาะกรณีที่ห้ามภรรยามีเพื่อนเป็นเกย์หรือทอม อย่างไรก็ตาม คนที่เกี่ยวข้องกับพิธา ก็ยืนยันว่า เท่าที่รู้จักกัน ไม่เคยโดนพิธาทำกริยาเหยียดเพศใส่

กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ สส.พรรคอนาคตใหม่ ที่เป็นกะเทยแต่งหญิงคนแรกของรัฐสภาไทย โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “นั่งดูรูปตั้งแต่วันที่รู้จักกันวันแรก จนถึงวันนี้ กอล์ฟก็ยังไม่เห็นเคยมีสักครั้งที่ทิมจะเหยียดเพศ ทิมก็ปฏิบัติตัวกับกอล์ฟแบบเป็นเพื่อนที่น่ารักคนนึง โอบกอดทักทายกันอยู่เสมอๆ”

อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อเสนอว่า พรรคอนาคตใหม่ ควรมีการตรวจสอบและแสดงความชัดเจนทั้งเรื่องเหยียดเพศ และเรื่องการใช้ความรุนแรงในครอบครัวมากกว่านี้หรือไม่

โดยเฉพาะในฐานะตัวพิธาเอง ตอนหาเสียง ยังระบุคุณสมบัติว่า เคยเป็นทูตในโครงการ He For She ขององค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ โดยโครงการนี้มีขึ้นเพื่อรณรงค์ให้เพศชาย ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี บุคคลในครอบครัว

นอกจากนั้น ตัวพรรคอนาคตใหม่เอง ยังมีความตั้งใจวางมาตรฐานใหม่ๆในสังคมขึ้นมา ตั้งแต่ในวันที่มีการจัดตั้งพรรค ตัวอย่างเช่น มีการดึงกลุ่ม รู้ทันการละเมิดทางเพศ (Thai Consent) มาร่วมด้วย ก่อนที่จะแยกทางกันในภายหลั

17) กลุ่มคนที่อยากให้ ทิม-พิธา ออกมาชี้แจง ให้เหตุผลว่า เรื่องการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ควรมีความชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้คลุมเครือ และให้สังคมไปเดากันเองว่าจริงหรือไม่จริง เพราะ เรื่องการใช้ความรุนแรง ไม่ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของผัวเมีย และถ้าเคสของพิธาถูกปล่อยไปแบบนี้ อาจเป็นตัวอย่างให้ผู้หญิงบ้านอื่น ที่ถูกใช้ความรุนแรง จำเป็นต้องเงียบ เพราะเห็นตัวอย่างจากต่าย ชุติมาแล้ว ว่าออกมาพูดไปก็เท่านั้น คนก็ไม่เชื่ออยู่ดี

18) ความจริงแล้วไม่ใช่แค่ที่ไทย ที่มีการพูดถึงประเด็นนักการเมือง กับเรื่องส่วนตัว ช่วงปีที่ผ่านมามีกรณีศึกษาของ โจ ไบเดน ผู้สมัครท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต ที่ถูกผู้หญิง 2 คนออกมาแฉว่าเขามีลักษณะนิสัยชอบ “สัมผัส” ร่างกายของเพศหญิงอย่างไม่เหมาะสม

เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ที่สหรัฐฯ แม้จะเป็นเรื่องลักษณะนิสัยส่วนตัวของไบเดนก็ตาม จนสุดท้ายโจ ไบเดน เลือกที่จะออกมาชี้แจง ก่อนที่เรื่องจะบานปลายมากกว่านี้

19) กลับมาที่กรณีของพิธา ตอนนี้กำลังถูกสังคมจับจ้องเพราะเขาเป็นนักการเมืองแกนนำของพรรคที่ประกาศสร้างมาตรฐานใหม่ๆ หลายอย่าง ทำให้เกิดคำถามว่า “พิธา” ควรต้องตอบสังคมให้ชัดเจนด้วยไหม ว่าเขามีพฤติกรรมส่วนตัวอย่างไร มีการใช้ความรุนแรงในครอบครัว และเหยียดเพศ จริงหรือไม่

20) เรื่องนี้ ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมากของการเมืองไทย ว่าสุดท้ายสำหรับนักการเมืองแล้ว เรื่องส่วนตัวควรมีสิทธิเก็บเป็นเรื่องของตนเอง หรือสมควรจะแสดงความโปร่งใสในฐานะคนของประชาชน

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า