SHARE

คัดลอกแล้ว

‘พิธา’ เปิดใจ CNN ยืนยันพรรคก้าวไกลไม่เสียใจที่ผลักดันการแก้ไขมาตรา 112 และข้อเสนอปฏิรูปอื่นๆ ที่ถูกมองว่าเป็นปัจจัยขัดขวางต่อการเป็นรัฐบาลตอนนี้ เชื่อยังมีโอกาสเป็นนายกฯ หากได้สิทธิชี้แจงกรณีหุ้นไอทีวี

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์รายการ AMANPOUR ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ก.ค.) โดยในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่ง พิธีกรได้เอ่ยถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่มีพรรคการเมืองชนะเลือกตั้ง แต่รัฐสภาไม่เปิดทางให้พรรคการเมืองนั้นเป็นรัฐบาล พร้อมเริ่มตั้งคำถามถึงสถานการณ์ประชาธิปไตยในไทย หลังปรากฏผู้ประท้วงออกมาแสดงพลังแล้ว

นายพิธาอธิบายสถานการณ์นี้ว่า ความต้องการของผู้ประท้วงก็คือ ไม่ว่าใครจะชนะเลือกตั้งก็ควรจะได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่สถานการณ์ในไทยมีบริบทที่ฝ่ายที่ผ่านการเลือกตั้งกำลังเผชิญหน้ากับฝ่ายที่ได้รับการแต่งตั้งมา นั่นก็คือการเผชิญหน้าระหว่าง สส. ที่ผ่านการเลือกตั้งกับ สว. ที่ได้รับการแต่งตั้งมาตั้งแต่รัฐบาลทหาร

พิธีกรได้ตั้งคำถามถึงกรณีหุ้นไอทีวีที่ทำให้อีกฝ่ายมองว่า นายพิธาขาดคุณสมบัติเพราะถือหุ้นสื่อ นายพิธาอธิบายผ่านซีเอ็นเอ็นว่า นี่เป็นกระบวนการเพื่อต่อต้านเขาสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นโดยตรง โดยหุ้นดังกล่าวมาจากพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว ขณะเดียวกันไอทีวีก็เป็นสื่อที่ปิดตัวลงตั้งแต่ 17 ปีก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับประโยชน์ทางการเมืองจากการถือหุ้นดังกล่าว

นายพิธายืนยันว่า การก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเขายังเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่ในตอนนี้เขายังไม่ได้รับสิทธิแม้แต่จะชี้แจงในมุมของตัวเอง ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญเรียกให้เขาชี้แจง เขาก็จะยืนยันว่าหุ้นดังกล่าวเป็นการถือครองในฐานะผู้จัดการมรดกต่อจากบิดาที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งก็มีความหวังว่าคำชี้แจงดังกล่าวจะทำให้คุณสมบัติต่างๆ กลับคืนมา

รายการข่าวของซีเอ็นเอ็นยังพูดถึงนโยบายแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งกลายเป็นเป้าโจมตีในตอนนี้ พร้อมตั้งคำถามว่าเสียใจหรือไม่ที่ดำเนินนโยบายดังกล่าว นายพิธายืนยันว่าเขาไม่ได้เสียใจต่อนโยบายนี้ พร้อมย้ำว่า เป้าหมายของคนไทยทุกคนคือการธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy) แต่ถึงอย่างนั้นเป้าหมายในการธำรงไว้ของหลายคนแตกต่างกัน บางคนอาจต่อต้านนโยบายของพรรคก้าวไกลที่ต้องการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยมองว่านี่จะเปิดช่องให้ผู้ที่ต้องการวิพากษ์วิจารณ์ แต่สำหรับเขาแล้ว ประเทศไทยควรแก้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ที่ไม่อนุญาตให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ลงสู่การเมือง และใช้สถาบันพระมหากษัตริย์ทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองผ่านมาตรา 112

นายพิธายืนยันว่า เป้าหมายของพรรคก้าวไกลคือการธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง ไม่ใช่การนำมาเป็นอาวุธทางการเมือง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก็ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่หากย้อนกลับไปดูทุกๆ 10 ปี ก็จะเห็นกรณีที่สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองมาตลอด

พิธีกรซีเอ็นเอ็นตั้งคำถามต่อว่า อีกฝ่ายมีความกังวลถึงการปฏิรูปอื่นๆ ที่พรรคก้าวไกลนำเสนอด้วยหรือไม่ จึงเป็นเหตุให้มีความพยายามหยุดยั้งพรรคก้าวไกล ซึ่งนายพิธาชี้ว่า พรรคก้าวไกลมีจุดยืนเรื่องลดการผูกขาด กระจายอำนาจ และนำกองทัพออกจากการเมือง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องการการปฏิรูปอย่างมาก ทั้งการปฏิรูปกองทัพให้มีความเป็นมืออาชีพ และมีความพร้อมกับความท้าทายในยุคสมัยปัจจุบัน เช่นเดียวกับการลดการผูกขาดที่ต้องพูดถึงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ หรือการเปลี่ยนแปลงระบบราชการให้เอื้อต่อการกระจายอำนาจ เนื่องจากกรุงเทพฯ ไม่ใช่ประเทศไทยทั้งหมด และประเทศไทยก็ไม่ได้มีแค่กรุงเทพฯ

นายพิธาระบุว่า นโยบายเหล่านี้ก็ทำให้พอจินตนาการได้ว่าจะมีแรงต่อต้านจากฝ่ายต่างๆ แต่ก็เชื่อได้ว่า ถ้าเขามีเวลามากพอก็จะสามารถอธิบายหรือโน้มน้าวอีกฝ่ายให้เห็นถึงการที่ประเทศต้องเดินหน้าไปได้ ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ของโลก

นายพิธาย้ำในการสัมภาษณ์ช่วงท้ายว่า เขาและพรรคก้าวไกลจะชนะอย่างแน่นอน แม้มันจะยังไม่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่า พรรคก้าวไกลสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคอันดับที่ 2 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เป้าหมายของเขาที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แต่เป็นความพยายามหยุดวงจรเผด็จการทหารในประเทศไทยด้วย และผู้ประท้วงที่มีความเคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านก็มีสิทธิในการแสดงออกด้วยความสงบ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในทุกประเทศที่เป็นประชาธิปไตย

ที่มา https://edition.cnn.com/videos/tv/2023/07/25/thailand-politics-amanpour-pita-limjaroenrat.cnn

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า