นายกฯ ยืนยัน วัคซีนไม่มีใครเป็นวีไอพี ย้ำประเทศไม่ได้ถังแตก ปลื้มความพร้อมของระบบเศรษฐกิจเพื่อตอบโจทย์การค้าแบบ e-Commerce ไทยเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน ชี้เดินมาถูกทางแล้ว
วันที่ 6 มี.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในรายการ ‘PM PODCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง’ ช่วงหนึ่งว่า เราเป็นประเทศแรกที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคจากจีนในเชิงพาณิชย์ ไม่ใช่การบริจาค แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนที่ช่วยเหลือดูแลกันมาโดยตลอด ทั้งนี้ ได้ทยอยฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์แล้วกว่า 3 พันคน ซึ่งในกลุ่มนี้พบมีอาการข้างเคียงหลังฉีดเล็กน้อย ถือว่าค่อนข้างดี ส่วนภาคเอกชนที่ต้องการนำเข้าวัคซีนนั้น กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลไม่ปิดกั้น แต่ต้องขอขึ้นทะเบียนนำเข้าวัคซีนกับ อย. เพราะเป็นวัคซีนที่อนุญาตให้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น ซึ่งตอนนี้มีผู้ยื่นขอขึ้นทะเบียนแล้ว 4 รายคือ 1.บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า 2.องค์กรเภสัชกรรม 3.บริษัทแจนเซ่น ซีแลค จำกัด และ 4.บริษัท ไบโอ จีนีเทค จำกัด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการฉีดวัคซีนให้กับวีไอพีที่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไข ที่ จ.เชียงใหม่นั้น ยืนยันว่าไม่มีใครเป็นวีไอพี ทุกคนที่ฉีดเป็นไปตามเกณฑ์ของทีมแพทย์ และเป็นกลุ่มที่ระบุให้มาฉีดตามนัด โดยเป็นกลุ่มของเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ อาทิ ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ประธานสื่อมวลชน นายกสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว สมาคม อสม.เชียงใหม่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขอให้ทุกคนสบายใจได้ เมื่อมีวัคซีนล็อต 2 และ 3 เข้ามาอีก จะมีการขยายไปให้กับประชาชนกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่การท่องเที่ยว สรุปวัคซีนที่รัฐบาลจัดหามานั้นจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นไปตามลำดับ ควบคู่กับมาตรการควบคุมโรคของทีมแพทย์ ที่ทำให้ตอนนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศน้อยลงมาก ถือว่าคลี่คลายลงเป็นลำดับ รวมถึงการดูแลเศรษฐกิจและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้กลับมาทำมาหากินได้โดยเร็ว ทั้งนี้ ตนมีแผนที่จะออกไปเยี่ยมเยือนประชาชนบ่อยๆ หลังจากสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น เพื่อจะได้ดูแลช่วยเหลือได้อย่างตรงจุดด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยมีข่าวดีว่า บริษัท S&P moody’s และ Fitch ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับเครดิตแนวหน้าของโลก ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของเรา จากการที่มีเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง เสถียรภาพและวินัยทางการคลังอยู่ในเกณฑ์ดี ฐานะการคลังของประเทศไม่ได้ถังแตก ระดับเงินคงคลังปลายปี 2563 อยู่ที่ 473,000 ล้านบาท มากกว่าปีงบประมาณก่อน 49.5% หลังจากนี้กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะเริ่มดีขึ้นจากการได้รับวัคซีน และมาตรการทางเศรษฐกิจต่างๆ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2564 การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ได้ประกาศผลการจัดอันดับ วัคความพร้อมของระบบเศรษฐกิจเพื่อตอบโจทย์การค้าแบบ e-Commerce จากทั้งหมด 152 ประเทศทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 42 เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย เชื่อมั่นว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว และจะพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไป