นายกฯ แจงวัคซีนวันนี้เป็นสินค้าที่ถูกแย่งกันทุกภูมิภาค ยืนยันทุกฝ่ายทำเต็มความสามารถ

นายกฯ แจงวัคซีนวันนี้เป็นสินค้าที่ถูกแย่งกันทุกภูมิภาค สั่งกระทรวงการต่างประเทศประสานระดับรัฐบาล ส่วนภาคธุรกิจเอกชนให้ประสานกับบริษัทผู้ผลิต ยืนยันทุกฝ่ายทำเต็มความสามารถ

วันที่ 27 เม.ย. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ว่า วันนี้แบ่งกลุ่มผู้ป่วยตาม 3 ระดับสีคือ สีเขียวส่งโรงพยาบาลสนาม สีเหลืองส่ง Hospitel และสีแดง อาการรุนแรง ส่งโรงพยาบาลเฉพาะทาง วันนี้จัดเตรียมสถานที่คัดกรองมากขึ้น เพราะไม่อยากให้แน่นแออัดที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ เรื่องการฉีดวัคซีนที่ได้รับมาเพิ่มเติมจากการทำงานร่วมกันของกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลนั้น มีการติดต่อกับรัฐบาลเพื่อติดต่อซื้อวัคซีนจากบริษัท ซึ่งบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต้องขออนุญาตรัฐบาลของแต่ละประเทศในการนำเข้าและส่งออก เพราะถือเป็นมาตรฐานสำคัญ ทั้งนี้ ขอบคุณภาคธุรกิจเอกชนและแพทย์ต่างๆ ที่อยากมีส่วนร่วมในการทำงาน โดยมอบหมายกระทรวงสาธารณสุขให้ไปดำเนินการให้ความชัดเจน ย้ำว่าไม่ปิดกั้นใคร แต่ต้องหาช่องทางร่วมกันได้ โดยหลักการสำคัญคือ รัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบทุกอย่างจากผลข้างเคียงในการฉีดวัคซีน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนให้กระทรวงการต่างประเทศติดต่อกับรัฐบาล ส่วนภาคธุรกิจเอกชนนั้นให้ติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตต่างๆ หากทำได้ก็จะได้วัคซีนเพิ่มมากขึ้นจากที่เราสั่งจองไปแล้ว ซึ่งวันนี้ฉีดไปแล้วมากกว่า1 ล้านโดส และจะเร่งดำเนินการต่อไปให้เร็วที่สุดตามปริมาณวัคซีนที่มีอยู่ หากได้มากขึ้นก็จะมีการกระจายไปยังสถานพยาบาลเอกชนให้ช่วยฉีดด้วย ย้ำว่า ตั้งเป้าหาวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส เพื่อฉีดให้คนไทย 50 ล้านคนภายในปี 64 ขึ้นอยู่กับวัคซีนที่เรากำลังติดต่อเพิ่มเติม ซึ่งรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ และทำเรื่องนี้มาตลอด แต่ปัญหาอยู่ที่บริษัทผู้ผลิตและประเทศหรือรัฐของเขาด้วย

“วันนี้วัคซีนเป็นสินค้าที่ถูกแย่งกันทุกภูมิภาค แต่มีการติดต่อบางประเทศที่มีเหลืออยู่ว่าจะทำอย่างไร จะขอความร่วมมือได้หรือไม่ โดยจะประสานกับรัฐบาลของบริษัทเหล่านี้ด้วย ยืนยันว่า วันนี้ทุกคนทำงานเต็มขีดความสามารถแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาลทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ภาครัฐ เอกชน และ อสม. ที่เสียสละทำงานหนักเพื่อทุกคนเวลานี้”นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตนได้หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไปแล้ว ให้ติดตามและดำเนินการเรื่องเหล่านี้ให้เร็วที่สุด ขอขอบคุณองค์กรและมูลนิธิต่างๆ ที่เป็นจิตอาสา และแสดงน้ำใจมาช่วยเหลือ ซึ่งรัฐบาลรับทุกเรื่องมาพิจารณา และขอบคุณในข้อมูลอันเป็นประโยชน์ ซึ่งตนนำมาใช้ในการบริหารด้วย ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่เราจะรวมหัวใจซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน ทำในสิ่งที่ทุกคนทำได้ หาช่องทางให้ร่วมมือกันให้ได้ ทำอย่างไรไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อตนเองและผู้อื่น นี่แหละน้ำใจของคนไทย ขอให้ช่วยกันเป็นกำลังใจให้บุคลากรด่านหน้าทุกคน และทีมประเทศไทย รวมพลังกันสู้เพื่อผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปให้ได้โดยเร็วที่สุด