SHARE

คัดลอกแล้ว

‘พิธา’ กลับเข้าสภาฯ ด้วยเสื้อผ้าชุดเดิมในวันที่ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เตรียมอภิปราย ‘ปัญหาขยะล้นเมือง’ พรุ่งนี้ (26 ม.ค.) รับจับตาเป็นพิเศษ 3 โครงการจากนโยบายเรือธงของรัฐบาล

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางเข้าสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า ไออุ่นที่คุ้นเคย รวมเวลาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม น่าจะ 6 เดือนที่ไม่ได้มีโอกาสแถลงข่าวที่สภาฯ ในบรรยากาศกับพี่น้องสื่อมวลชน พี่น้องประชาชน นักศึกษาฝึกงานหรือที่มาเยี่ยมสภาฯ  ยังรู้สึกว่าสภาฯ เป็นพื้นที่ รวมตัวของสังคมไทย ของประชาชน ก็คิดถึงบรรยากาศอย่างนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งใจใส่กิมมิคใส่เสื้อผ้าชุดเดิมเนกไทเส้นเดิม กับในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. กลับเข้ามาสภาฯ ในวันนี้ ใช่หรือไม่

“ก็ไม่ใช่กิมมิคหรอกครับ ตอนเช้ารีบไปรายการคุณสรยุทธ เอาเนกไทเส้นที่มองซ้ายมองขวาแล้วก็เลยจำได้ว่า เฮ้ย! ตอนที่เราชูกำปั้นใส่เนกไทเส้นนี้นี่นา ก็เลยนึกสนุกขึ้นมา ก็คงไม่ได้เป็นกิมมิคอะไรพิเศษอะไรอย่างนั้นหรอก แต่ว่าก็ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ออกไปแบบไหนก็กลับมาแบบนั้น คิดซะว่าเป็น detour เป็นการอ้อม แต่ว่าเป้าหมายในการเดินทางเราก็ทำต่อ ถึงแม้ว่ามันหายไป 6 เดือนก็ตามครับ” นายพิธา ตอบ

เมื่อถามว่า เสียดายหรือไม่กับเวลาที่เสียไป โดยสรุป นายพิธา กล่าวว่า เวลาที่เสียไป เสียดาย ที่เป็นรูปธรรม เช่น คือ โอกาสในการเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 ซึ่งก็คงไม่มีใครบอกได้ว่าผลจะออกมาอย่างไร หรือถ้ามีครั้งที่ 2 แล้วดีขึ้น จะมีครั้งที่ 3 หรือไม่ ใช่หรือไม่  แต่ที่เราบริหารจัดการสถานการณ์ได้ 6 เดือนกับการพบปะประชาชน ทำงานกับเพื่อน สส. ในการลงพื้นที่ ตอนที่โดยสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ลงพื้นที่ จ.สมุทรปราการ กับจ.ภูเก็ต เห็นปัญหาขยะล้นเมืองของทั้ง 2 จังหวัด จะใช้ข้อมูลที่ได้มาจากการประชุมกับผู้นำท้องถิ่น รวมกับสิ่งที่เห็นมากับตา และอื่นๆ ในการอภิปรายวันพรุ่งนี้ (26 ม.ค. 67) กับญัตติของพรรคภูมิใจไทย ดังนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียดาย

ผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหาคุกคามทางเพศของอดีต สส. บางคน พรรคก้าวไกล  นายพิธา กล่าวว่า ต้องยอมรับด้วยความเสียใจและขอโทษประชาชน ในช่วงเกิดสถานการณ์นั้น ตนไม่ได้หายไปได้ แต่นายชัยธวัช ตุลาธน เป็นหัวหน้าพรรค ตนทำหน้าที่ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก็ได้คอยให้คำปรึกษา พูดคุย ทั้งการปฏิบัติทันที รวมทั้งการป้องกันสถานการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นได้ อย่างไร เรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับปรุงโดยไม่ได้แก้ตัว และก็ยอมรับว่าเรายังต้องพัฒนาอีกเยอะ คิดว่าประชาชนคงสัมผัสได้ถึงการพัฒนาความเป็นสถาบันการเมืองของเรา

เมื่อถามว่า จะจับตามองโครงการแลนด์บริดจ์ของรัฐบาลเป็นพิเศษหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า จับตาเป็นพิเศษ เพราะว่าฟังดูแล้ว ในช่วงที่ตนหยุดปฏิบัติหน้าที่ โครงการเรือธงของรัฐบาลน่าจะมี 3 อัน คือดิจิทัลวอลเล็ต, แลนด์บริดจ์ และซอฟต์พาวเวอร์ ก็มีหลายเรื่องที่เราเห็นด้วยตรงกัน กับหลายเรื่องที่ต้องพูดคุยเป็นพิเศษ อาจต้องมุมกว้าง มุมลึกด้วย ฟังเป้าหมายให้ชัด ดูทางเลือกว่ามีอะไรบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามความเห็นโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นายพิธา กล่าวว่า ตนมีความเห็นว่าตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนพอสมควร เศรษฐกิจโตช้าซบเซามาเป็นเวลานาน กสิกรไทยออกบทความในไทยรัฐหน้าเศรษฐกิจวันนี้ ว่าเศรษฐกิจไทยจะโตช้าสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลที่เพิ่งบริหารมาได้ 6 เดือน แต่มันเป็นปัญหาที่มาจากการเมืองไทย ที่ทำให้ทศวรรษที่หายไป 10 ปี และไม่มีการปรับโครงสร้างทำให้เราโตช้ามาก แต่ขณะเดียวกัน ตนก็กังวลว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นโดยการใช้งบประมาณระยะยาวจนทำให้ไม่มีพื้นที่การคลัง ในการแก้ไขปัญหาระยะยาว หรือพื้นที่ในแบบอื่นเลย ก็ไม่ได้เป็นทางที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นก็อยากชวนรัฐบาลคิดว่ามีแผน 2 หรือไม่ ในกรณี ที่สิ่งที่ทำ หาเสียงมามันไม่ผ่าน

แล้วอยากให้ลองคิดว่ากระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานรากขึ้นมา อย่าดูถูกรายละเอียด อย่าดูถูกโครงการเล็กๆ ที่พอทำรวมกันแล้วพลังจากเศรษฐกิจมันจะระเบิดขึ้นมา ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นโครงการแจกเงินผ่านดิจิทัลที่เป็นบนลงล่าง ล่างขึ้นก็บนก็สามารถที่จะช่วยได้ตรงจุด แล้วเมื่อรวมพลังกันก็เป็นเศรษฐกิจที่ดีได้ด้วยเช่นเดียวกัน ประหยัดงบประมาณ แล้วก็ไม่ได้ต้องกู้ ไม่ต้องภาระการคลังเพิ่มขึ้น พอมาอภิปรายเรื่องงบประมาณปีต่อไป ก็จะน้อยลงทุกๆ ปี ด้วยเช่นเดียวกัน” นายพิธา กล่าวตอนหนึ่ง

เมื่อถามถึงอีกคดีเรื่องการหาเสียงมาตรา 112 ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยในวันที่ 31 ม.ค.นี้ นายพิธา กล่าวว่า ความรู้สึกก็เหมือนกับคดีหุ้นไอทีวี เราแยกแยะได้ว่าอะไรที่เราควบคุมได้กับอะไรควบคุมไม่ได้ ในส่วนที่เราควบคุมได้เราได้ทำเต็มที่ ก็เลยมั่นใจ

เมื่อถามว่า คาดหวังให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เข้ามาตอบกระทู้ถามสด ที่สภาฯ เองหรือไม่ นายพิธา ตอบว่า เวลาจะคาดหวังกับใครต้องดูที่ตัวเองด้วย ถ้าวันหนึ่งที่เราเข้าไปเป็นรัฐบาล แล้วตนเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องกลับเข้ามาตอบกระทู้ด้วยตัวเอง หวังว่าถ้าเป็นบรรทัดฐานที่วางไว้กับตัวเอง ก็น่าจะเป็นบรรทัดฐานที่เราคาดหวังกับคนอื่นได้เช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่า เล็งอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงไหน นายพิธา ตอบกลับว่า “ถ้าตอบเขาก็รู้หมดสิครับ” และว่า แต่ว่ามีข้อมูลตามเข้ามาเรื่อยๆ ทางดิจิทัลบ้างหรือการลงพื้นที่ก็จะมีคนเอาข้อมูลมาให้ต่างๆ ก็คงจะเน้นเรื่องเกี่ยวกับความประพฤติมิชอบ เรื่องเกี่ยวกับคอร์รัปชั่น และการล้มเหลวในการใช้งบประมาณแผ่นดิน ก็จะเตรียมข้อมูลไปเรื่อยๆ แล้ว ดูจังหวะเวลาที่เหมาะสมว่าจะอภิปรายแบบใด ยืนยันว่า การทำงานของพวกเราไม่ได้ต้องการเพื่อล้มรัฐบาลอย่างเดียว แต่เพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติ และผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

เมื่อถามว่าการกลับมาจะทำให้การทำงานของสภาฯ มีสีสันขึ้น นายพิธา กล่าวว่า มองว่าคงเอาสาระเป็นหลัก สีสันเป็นรอง เพราะหมดเวลาการทำงานการเมืองแบบวาทกรรมฉาบฉวย แต่ว่าไปเน้นการทำงานลงลึก และทำงานเรื่องสาระ แต่ความสำคัญคือเราจะทำให้สาระนี้ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปเข้าใจได้อย่างไร เป็นสิ่งที่เป็นศิลปะของความเป็นผู้แทนราษฎร ในการที่จะเอาเรื่องยากๆ เช่น ญัตติเรื่อง AI ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ มาเกี่ยวข้องกับชาวบ้านอย่างไร คิดว่าเรื่องพวกนี้ต้องใช้ศิลปะนำเสนอ แต่ว่าสาระย่อมสำคัญกว่าวาทกรรมอยู่แล้ว

เวลา 11.40 น. วันนี้ (25 ม.ค. 67) ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเข้าระเบียบวาระทั่วไป นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม ได้แจ้งเรื่องต่อที่ประชุม รับทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่ และศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 นั้น

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกร้อง มิใช่ผู้มีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิรับสมัครเลือกตั้ง สส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) สมาชิกภาพ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) … ดังนั้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปัจจุบัน จึงครบถ้วน 500 คน องค์ประชุมครึ่งหนึ่ง ต้องไม่น้อยกว่า 250 คน แจ้งมาเพื่อทราบ

จากนั้น นายพิธา ได้เดินเข้ามาในที่ประชุมสภาฯ โดยโค้งคำนับทำความเคารพประธานในที่ประชุม พร้อมโบกมือทักทาย สส. โดยมี สส. หลายคนเข้ามาโอบกอด แสดงความยินดี อาทิ นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคเป็นธรรม

“…เฮ้ย! ตอนที่เราชูกำปั้นใส่เนกไทเส้นนี้นี่นา ก็เลยนึกสนุกขึ้นมา ก็คงไม่ได้เป็นกิมมิคอะไรพิเศษอะไรอย่างนั้นหรอก แต่ว่าก็ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ออกไปแบบไหนก็กลับมาแบบนั้น คิดซะว่าเป็น detour เป็นการอ้อม แต่ว่าเป้าหมายในการเดินทางเราก็ทำต่อ ถึงแม้ว่ามันหายไป 6 เดือนก็ตามครับ” นายพิธา กล่าวตอนหนึ่ง ช่วงให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าห้องประชุมสภาฯ

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า