นายกฯ ส่งสัญญาณเริ่มปรับครม.วันนี้ เลื่อนประชุมครม.เศรษฐกิจ ยืนยันเป็นไปไม่ได้ 3 ป. แตกกัน

นายกฯ เคารพการตัดสินใจของ 4 รัฐมนตรีที่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ชี้ เริ่มนับหนึ่งปรับครม. แต่ไม่ใช่เดือนกันยายน ระบุต้องไปตามกลไกการเมือง โควต้าคนนอกมีแต่ยังไม่ได้ทาบทามใคร

วันที่ 9 ก.ค. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กรณี 4 กุมาร อดีตแกนนำพรรคพลังประชารัฐแถลงข่าวลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคและการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องที่ถามมาวันนี้ประเด็นร้อนคือเรื่องการลาออกของสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทั้ง 4 ท่าน ตนเคารพการตัดสินใจของท่าน เป็นเรื่องภายในพรรคเอง ส่วนตนก็จะเตรียมการเดินหน้าต่อไปอย่างไร การปรับเปลี่ยนครม.เป็นวิถีทางหนึ่งทางการเมือง การเข้ามาเป็น ส.ส. รัฐมนตรี ครม. ดังนั้นไม่มีคำตอบให้ว่า ใครจะมาเป็นรัฐมนตรีหรือใครจะออกไป เพราะต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลก่อนตามกลไก

“ผมพูดเมื่อไหร่ว่ากันยายน (ห้วงเวลาที่ปรับครม.วางไว้ในช่วงไหน?) ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จนเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ผมไม่ได้บอกกันยายนอะไรสักอย่าง”

ผู้สื่อข่าวถามว่า อดีตแกนนำพรรคพลังประชารัฐที่แถลงข่าวลาออกเมื่อไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้วจะมีสิทธิ์เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า เป็นเรื่องกลไกภายในพรรค สัดส่วนการเข้ามาเป็นรัฐมนตรีมาจากพรรค คนนอกก็มีส่วนหนึ่ง แต่อย่าลืมว่า ตนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เพราะฉะนั้นสัดส่วนการเป็นรัฐมนตรีต้องฟังจากพรรคเป็นหลัก การจะใช้คนนอก ก็เป็นโควต้าของเขา ซึ่งตนก็ขอเขามา เขาก็ให้ตนเข้ามาตรงนี้ และก็มีรัฐมนตรีหลายท่านมากับตนด้วย ซึ่งเดิมทั้ง 4 คน เป็นโควต้าของตนตั้งแต่แรก ก็ต้องไปดูอีกครั้งว่าโควต้าเหมาะสมหรือไม่ ใครจะได้เพิ่มได้ลดว่ากันอีกที โดยการปรับครม.ประยุทธ์ 2/2 จะเป็นการปรับเท่าที่จำเป็น ใครทำงานดีอยู่แล้วก็ทำไป ทุกคนทำงานดีหมด ไม่ได้ว่าไม่ดี เพียงแต่ว่ากลไกทางการเมือง วิถีทางการเมืองก็อีกเรื่องหนึ่ง

“ผมถึงถามว่าเอาเขาเข้ามาต้องคืนเขาหรือเปล่า คืนเขาบ้างไหม จะมีคนนอกเข้ามาได้ตรงไหน แค่ไหน มันต้องไปคุยกันอีก ที่ผ่านมาก็เป็นช่วงเวลาที่ผ่านมาปีหนึ่งแล้วต้องคุยกันใหม่”

นายกฯ บอกว่า ได้พูดคุยกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจมาโดยตลอด ซึ่งนายสมคิดก็บอกว่าพร้อมทุกเรื่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมามีข่าวขย่มไปทางนายสมคิดบ่อยครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมก็ต้องดู มันก็มีขย่มทั้งสองฝ่าย ท่านก็รู้ว่าใครขย่มใคร ใครขย่มกันอย่างไร วิธีไหน บางทีก็พูดกันไปเรื่อย สื่อก็ลงไปพาดหัวข่าวไป ก็ไม่รู้ผมก็ดูว่าใครขย่มใคร แล้วใครถูกใครผิด ผมก็ตัดสินของผมเอง”

“ทางก็รู้ว่มีวิกฤติอยู่ วันนี้ก็ทำงานนี้ไปก่อน แล้วต้องปรับ ผมก็ปรับของผมนั่นแหล่ะ แต่ให้เชื่อมั่นในกลไก ของเรา การบริหารราชการแผ่นดินที่ผมสร้างไว้ ใครจะไปใครจะมา รักษากฎระเบียบของผมที่วางไว้ ในพ.ร.บ.ต่างๆ ที่ทำไปใหม่ พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ร.บ.การเงินการคลัง มีใหม่ทั้งหมด เพราะฉะนั้นเราอาจยึดมั่นตัวบุคคล นี่เป็นธรรมดาความเชื่อมั่น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ตัวบุคคล  ถ้าทำงานกันไม่ได้มันก็อยู่ไม่ได้”

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับว่า การปรับครม.ใหม่ก็ต้องปรับครม.เศรษฐกิจด้วย เพราะมีหลายกระทรวงที่เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยวันที่ 10 ก.ค. ตนได้เลื่อนการประชุมครม.เศรษฐกิจออกไปก่อน แล้วจะประชุมที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจทั้งหมด ทั้งในและนอกระบบ เพื่อรับฟังแนวความคิด

(4 กุมาร หรือ 4 รัฐมนตรี อดีตแกนนำพรรคพลังประชารัฐ)

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า 4 รัฐมนตรีที่ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐจะมีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “คุณจะถามให้ได้สาระอะไรตรงนี้ ผมก็ตอบไปแล้วในภาพรวม ท่านก็ทำงานกับผมมาโดยตลอด มีความสำเร็จมามากมายพอสมควร แต่ท่านต้องไปดูว่ากลไกการเมืองว่าอย่างไร”

“วิ่งกับใคร คุณก็ ผมยืนยันว่า จะวิ่ง ใครวิ่ง ไอ้วิ่งมากอาจจะไม่ได้ก็ได้ ก็คุณอย่าทำให้สับสนอลหม่านได้ไหม ใครจะวิ่งก็วิ่งไปเถอะ ผมก็ตัดสินใจของผมด้วยตัวผมเอง แต่ผมก็ต้องคุยกับหัวหน้าพรรคทุกพรรค” นายกฯ ตอบคำถามหากมีคนวิ่งเต้นเพื่อเข้ามาเป็นรัฐมนตรี

ในส่วน ‘คนนอก’ ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีในครม.ใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับว่า มองไว้ทั่วทุกกลุ่ม ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข ส่วนจะยอมรับหรือไม่ พูดยากพอสมควร เพราะการยอมรับหรือไม่ เป็นความเชื่อมั่น เชื่อถือ บางส่วนที่อยากเข้ามาทำงานเขาก็ไม่มา เราต้องเลือกคนที่ดีที่สุดทุกกระทรวง และยังไม่ได้ทาบทามใครเลย

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังยืนยันด้วยว่า “เป็นไปไม่ได้” กับข่าวที่จะทำให้ ‘3ป.’ แตกกัน ( 3 ป. คือ ฉายาที่สื่อมวลชนเรียก พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุรรณ,  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา)

(ชมคลิปเต็ม)