โฆษกรัฐบาล เผยสถิติการแจ้งความอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตั้งแต่ 1 มี.ค. 65 ถึง 6 ก.พ. 66 มีผู้แจ้งความ 192,031 คดี มีผู้เสียหายสูงสุดมูลค่าถึง 100 ล้านบาท
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2565 – 6 กุมภาพันธ์ 2566 มีการแจ้งความอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จำนวนทั้งสิ้น 192,031 คดี
เสียหายสูงสุด 100 ล้านบาท
มูลค่าความเสียหาย 29,546,732,805 บาท สามารถติดตามอายัดบัญชี 65,872 บัญชี อายัดได้ทัน 445,265,908 บาท มีผู้เสียหายสูงสุดมูลค่าถึง 100 ล้านบาท จึงเป็นสถานการณ์ขั้นวิกฤติ
กลโกงของมิจฉาชีพ 5 อันดับแรก
1. การหลอกลวงซื้อสินค้า
2. การโอนเงินหารายได้พิเศษ
3.การหลอกให้กู้เงิน
4. คอลเซ็นเตอร์
5. การหลอกให้ลงทุน
นายอนุชา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ของไทยที่สร้างความเสียหายให้ประชาชนคนไทยเพิ่มขึ้นทุกปี
เชื่อมั่นว่าเมื่อร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. …. มีผลบังคับใช้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยธนาคารสามารถระงับธุรกรรมที่ผิดปกติ หรือต้องสงสัยได้ทันที
นายอนุชา กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงดีอีเอส เสนอออกพระราชกำหนดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพิ่มอำนาจในการสืบสวนสอบสวนให้มีประสิทธิภาพพร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้เท่าทัน ซึ่งการร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership PPP)
เป็นการบูรณาการความร่วมมือเพื่อเป็นเครือข่ายในการยับยั้ง ป้องกัน และสร้างภูมิคุ้มกัน (Cyber Vaccine) แก่ประชาชนเพื่อให้รู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ
ล่าสุดได้ร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. …. ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือ และ NT ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดีย ได้ร่วมกันดำเนินการ
-ตรวจสอบปิดไลน์ปลอมของธนาคาร
-ควบคุมและจัดการ ชื่อผู้ส่ง SMS (SMS Sender) ปลอม
-ปิดกั้น URL ที่เป็นอันตราย
-หารือแนวทางกับธนาคารสมาชิก พัฒนาระบบความปลอดภัยแชร์เทคนิคและแนวทางการป้องกันภัย เช่น พัฒนาการป้องกันและควบคุมบริการธุรกรรมออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันของสถาบันการเงิน (Mobile Banking Application) กรณีมือถือมีการเปิดใช้งาน Accessibility Service เพิ่มระบบการพิสูจน์ตัวตน (Authentication) ด้วย Biometrics Comparison ลายนิ้วมือ รูม่านตา และโครงสร้างใบหน้า เป็นต้น