เหลียวมอง ‘ประวิตร-ธรรมนัส’ กับการจัดระบบ ‘พปชร.เวอร์ชั่น3’

พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เวอร์ชั่นที่สาม ภายใต้การนำของ “พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรค และ “ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค ที่กำลังตั้งลำเพื่อเตรียมลุยศึกเลือกตั้งในห้วงเวลาอีกไม่กี่อึดใจกับการลุยบนพื้นที่เลือกตั้งทั่วไทยดังนั้นการจัดระบบพรรคและสกรีนคนก่อนลงเลือกตั้งจึงเป็นภารกิจที่ผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันต้องวางแผนยาวๆเพราะตอนนี้ชื่อเสียงของพรรคหากจะลงสนามนั้นน่าจะไม่ใช่แต้มต่อที่ดี หากจะปล่อยไว้แบบนี้ไปเรื่อยๆ แว่วมาจากแกนนำพรรคบางคนว่าตอนนี้การจัดระบบและคัดแยกคนที่สังคมยอมรับกำลังขับเคลื่อน

การบริหารสถานการณ์การเมืองยุคโควิด-19นั้น ไม่ว่าจะทำอะไรลงไปนั้น รัฐบาล “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ภายใต้การหนุนของพปชร.นี้โดนทัวร์ลงทุกวันในทุกกรณีจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะปีกการเมืองต่างขั้ว เช่น กลุ่มผู้ชุมนุมหลากแขนง , เซเลเบอร์ตี้, อินฟลูเรนเซอร์บนสังคมออนไลน์,หลากผู้คนในสังคมที่ออกมา CALL OUT, พรรคร่วมฝ่ายค้าน, พรรคตั้งใหม่ และโทนี วู้ดซัม ที่ล้วนแต่เรียกร้องให้ “พลเอกประยุทธ์ลาออก” แต่แทบไม่มีใครร้องขอการ “ยุบสภา” ในยามนี้เลย…เพราะทุกขั้วตรงข้ามพลเอกประยุทธ์รู้ดีว่ายามนี้ไม่เหมาะกับการหาเสียง เพราะ “ทุนรอน” ที่จะนำมาใช้ในการรณรงค์เลือกตั้งนั้น ….ขาดแคลนพอ ๆ กับ “วัคซีน” เลยทีเดียว

จึงไม่แปลกที่สื่อบางแขนงให้ข้อมูลว่าหากภาวะไวรัสมรณะคลี่คลาย การปรับครม.จะบังเกิดอีกครั้งบนเหตุผลของพลเอกประยุทธ์ คือ การเรียกความเชื่อมั่นจากสังคมและการเตรียมพร้อมกับการเลือกตั้งในอนาคต

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ

ภาวะแบบนี้จึงทำให้พปชร.พอตั้งลำได้อีกระยะ การปลดล็อกการเมือง เช่น แก้รัฐธรรมนูญนั้น นัยว่าเพื่อให้สังคมและฝ่ายการเมืองเบาใจกับข้อครหาเขียนกติกาให้ตัวเอง แต่ลึก ๆ แล้วพปชร.ก็ได้อานิสงส์กับการแก้กติกาคราวนี้ด้วยโดยเฉพาะบัตรเลือกตั้งสองใบที่น่าจะได้ผลกับพรรคขนาดใหญ่ แต่บางพรรคต้องขาดทุนกับจำนวนผู้แทนราษฎรกับกติกาข้อนี้หากถูกนำมาใช้บังคับ ดังนั้นการขับเคี่ยวเรื่องนี้ในกมธ.แก้รัฐธรรมนูญในไม่กี่วันข้างหน้านั้นน่าจะสู้กันดุเดือดมิใช่น้อย

หันมาให้น้ำหนักกับการจัดระบบพรรคใหม่รวมทั้งการสกรีนคนของพปชร.กันบ้าง แน่นอนว่าบรรดา ส.ส.และสมาชิกพรรคที่เป็นเสมือนตัวจี๊ดบนเวทีการเมือง น่าจะโดนสกรีนออก แม้บางคนจะมีฐานเสียงที่แน่นพอควร แต่เมื่อมองกับข้อกล่าวหาที่อยู่ในชั้นการสอบสวนและตั้งเรื่องลงโทษของระบบยุติธรรม เชื่อว่าผู้ใหญ่ในพรรคน่าจะกรองคนที่มีคุณภาพเอาไว้ใช้งานในคราวหน้า

สิระ เจนจาคะ

ดังนั้นรายชื่อส.ส.และสมาชิกพรรคที่เล่นเกินบทในยามนี้ โอกาสที่จะได้ “ไปต่อหรือจอดป้ายนี้” มีใครบ้าง ข้อมูลจากแกนนำพปชร.คนหนึ่งที่ให้ไว้นั้นจะเป็นอย่างไร ลองมาไตร่ตรองโอกาสและความเป็นไปได้กันเบื้องต้น “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม.ที่มักจะออฟไซด์กับแทบทุกเรื่องแม้จะมีคำเตือนจากแกนนำพรรคหลายครั้งก็ตาม รวมทั้งการสร้างโจทก์ขึ้นมาหลายชีวิตในและนอกพื้นที่นั้น โอกาสโดนทัวร์ลงในการเลือกตั้งคราวหน้าสูงยิ่ง ดังนั้นต้องวัดใจผู้ใหญ่พปชร.ว่าจะปล่อยให้สิระวัดดวงไปแบบตามมีตามเกิดหรือจะเปลี่ยนตัวผู้เล่นเพื่อโอกาสใหม่ที่ดีกว่า…

ปารีณา ไกรคุปต์

“ปารีณา ไกรคุปต์” ส.ส.ราชบุรี ที่ตอนนี้ถูกพักการปฏิบัติหน้าที่จากการครอบครองเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบ และมีความเสี่ยงสูงที่จะโดนลงโทษทางกฎหมายและตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีพ เคสนี้เหนื่อยใจสำหรับผู้บริหารพปชร.แน่นอนเพราะฐานเสียงของปารีณาค่อนข้างดี ยากที่คู่แข่งจะทะลวงได้ แต่เมื่อมองกับบทบาทของส.ส.เอ๋บนหน้าสื่อหลายวาระที่มักติดลบนั้น ผู้ใหญ่ในพปชร.ต้องพิจารณาให้รอบคอบสำหรับเคสนี้

6 ส.ส.ดาวฤกษ์ /น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.กทม. / น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. /น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ /นางกรณิศ งามสุคนรัตนา ส.ส.กทม. /น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. / และนายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม

“หกส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์” ที่ฝ่ามติพรรคในการลงมติไม่ไว้วางใจรมว.คมนาคมในศึกซักฟอกล่าสุด แว่วว่ากลุ่มดาวฤกษ์มีการต่อสายไปยังหลายพรรคแล้ว และหลายคนคงไม่ไปต่อกับพปชร. และอย่าลืมว่าส.ส.บางคนในกลุ่มนี้มีมลทินจากการชี้มูลของปปช.ในเรื่องเสียบบัตรแทนกันนั้นคงจะหมดอนาคตในไม่กี่อึดใจข้างหน้า

โดย ป.ป.ช. มีมติชี้มูล “นางสาวธณิกานต์ พรพงษาโรจน์” สมาชิกกลุ่มดาวฤกษ์ ในความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 บัญญัติไว้ว่า “เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” โดยคดีอาญา ป.ป.ช.จะส่งให้อัยการเพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีความผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่ง ป.ป.ช.จะส่งให้ศาลฎีกาโดยตรง

ดังนั้นแกนนำพรรคต้องมองให้ดีว่าจะวางใครลงแข่งขันแทนในห้าเขตเมืองหลวงที่ส.ส.กลุ่มนี้เป็นตัวแทนประชาชน และหนึ่งส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ในอันดับที่เบียดหลายคนเข้ามาและเข้ารอบด้วยคะแนนปัดเศษ

สามารถ เจนชัยจิตรวนิช

“สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม, ผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ, คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล, คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดการฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ที่ตอนนี้หลุดเก้าอี้หมด เหลือเเค่สถานะสมาชิกพรรคและสุดท้ายโดนห้ามไม่ให้ “สามารถ” ใช้ตราเครื่องหมายของพรรคเว้นแต่ว่าจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร

เคส “สามารถ” นั้นดังกระหึ่มเมื่อช่วงสงกรานต์ เพราะสามารถมอบให้ พ.ต.ท.นายหนึ่ง สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เข้าเรียนและเข้าสอบแทน เเต่สามารถออกมาแถกับสังคมเเบบน่ากังขาแม้พปชร.จะตั้งกรรมการสอบสวนและลงโทษ “สามารถ” ไปแล้วตามคำสั่งของหัวหน้าพรรคเพื่อรักษาวินัยและชื่อเสียงของพรรค แต่ทราบว่าการสอบสวนเพื่อลงโทษ “สามารถ” ของสถาบันการศึกษาแห่งนั้นยังไม่คืบหน้า เพราะพ.ต.ท.นายนี้ที่ “ร่วมทุจริต” กับ “สามารถ” ยังไม่ไปให้ความร่วมมือกับการสอบสวนของสถาบันการศึกษาดังกล่าว โดยอ้างสารพัดเหตุผลเพื่อยื้อเวลาและหวังให้เรื่องเงียบลง ดังนั้นหากผู้ใหญ่แวดวงสีกากีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของพ.ต.ท.นายนี้ยังนิ่งเฉย ปล่อยให้การร่วมทุจริตทางการศึกษาระหว่างนายตำรวจกับคนการเมืองในคราวนี้ไปกับสายลม…ชื่อเสียงของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จะมัวหมองไปอีกหนึ่งกระทง

สนธิญา สวัสดี

“สนธิญา สวัสดี” อดีตสมาชิกพรรคพปชร. หนึ่งในนักร้องยุคไวรัสมรณะที่ขยับตัวในแทบทุกเรื่องที่พัวพันรัฐบาลและพปชร.แม้ผู้บริหารพรรคจะปฏิเสธการมีตัวตนของสนธิญาในฐานะสมาชิกพรรคก็ตาม เพราะสนธิญาดำเนินการครั้งใดมักจะมีทัวร์ลงไปยังพปชร.ด้วย ดังนั้นการออกมาสกัดสนธิญาในคราวนี้แม้จะล่าช้าไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้สังคมเข้าใจกันไปเองว่าพปชร.ไฟเขียวให้สนธิญาท้ารบกับแทบทุกวงการ

และยังมีรายชื่อส.ส.และอดีตผู้แทนราษฎรบางรายที่แอบต่อสายประสานการย้ายขั้วกันแล้ว ตรงนี้เชื่อว่าหัวหน้าพรรคและพ่อบ้านพรรคคนใหม่ของพปชร.น่าจะทราบสัญญาณนี้และวางระบบรวมทั้งตัวคนที่จะลุยแทนกันเบื้องต้นแล้ว เพราะหากล่าช้า โอกาสชนะเลือกตั้งครั้งหน้า น่าจะเลือนรางสำหรับพปชร.