ฝ่ายค้านจวก ประยุทธ์-สุชาติ บริหารแรงงานผิดพลาดทำโควิดระบาดทั่วประเทศ

“สมคิด เชื้อคง” –  “สุเทพ อู่อ้น”  ระบุ ไม่ไว้วางใจ รมว.แรงงานทำหน้าที่ต่อ ชี้ ทำหน้าที่ไม่เต็มกำลังความสามารถ ออกมาตรการช่วยเหลือ เยียวยาผลกระทบที่เกิดจากโควิด-19 ไม่ครอบคลุมผู้ประกอบการและแรงงานทั้งระบบ จี้แก้ปัญหาแรงงานลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายโดยเร็ว

วันที่ 3 ก.ย. 2564 นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานว่า เมื่อตอนเข้ารับตำแหน่งให้คำมั่นในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำไว้ 400 – 425 บาทปริญญาตรี 20,000 บาท อาชีวะ 18,000 บาท เด็กจบใหม่เสนอยกเว้นภาษี 5 ปี เสนอยกเว้นภาษีแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์ 2 ปี ลดภาษีบุคลธรรมดา 10 เปอร์เซ็นต์ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่คืบหน้า ถือเป็นนโยบายขายฝัน และด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยประสบกับปัญหาวิกฤตโควิด-19 เกิดผลกระทบไปทุกภาคส่วนรวมถึงแรงงาน ส่งผลให้เกิดปัญหาว่างงาน และเด็กจบใหม่ตกงานหลายล้านคน แต่ไม่มีมาตรการใด ๆ ช่วยเหลือหรือรองรับ งบการสร้างงานที่ได้มาจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้าน ซึ่งสภาพัฒนาเศรษฐกิจอนุมัติให้กระทรวงแรงงานสร้างงานให้กับแรงงานกว่า 400,000 คนกลับลดเหลือ 50,000 คน โดยอ้างว่าที่ต้องลดจำนวนลงเนื่องจากติดสถานการณ์โควิด-19 เหตุการณ์นี้ส่งผลเกิดปัญหาแรงงานตกงานทั้งระบบ สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีฝีมือในการบริหารจัดการ ไร้ความสามารถในการบริหารจัดการแรงงานทั้งระบบ

นายสมคิด เชื้อคง นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี

นายสมคิด ระบุถึงปัญหาแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ว่า การประกาศปิดแคมป์คนงาน กักตัว ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงาน ใช้มาตรการ Bubble&Seal โดยไม่มีมาตรการรองรับส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและแรงงานอย่างมาก ขาดรายได้ เกิดปัญหาหนี้สินตามมา ขาดแคลนสิ่งอุปโภค บริโภค เกิดปัญหาการร้องเรียนและแรงงานบางส่วนต้องเดินทางกลับบ้าน เกิดการนำเชื้อโควิด-19 ไปแพร่ระบาดในแต่ละภูมิลำเนา แต่นโยบายให้ความช่วยเหลือแรงงานที่ออกมารองรับกลับไม่ครอบคลุมแรงงานทั้งระบบที่มีประมาณ 2,000,000 คน ช่วยได้ไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้หนึ่งปัญหาใหญ่ที่ส่งผลเกิดคลัสเตอร์ใหญ่ในการแพร่ระบาดของโควิด-19 คือ การปล่อยให้เกิดปัญหาแรงงานลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย ปล่อยให้มีนายหน้าพาแรงงานเข้าประเทศ ซึ่งถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานและไม่ได้รับการแก้ไข และยังมองว่าประกาศกระทรวงแรงงานให้ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและมีการให้ขึ้นทะเบียนออนไลน์ได้ โดยให้เหตุผลว่าจะสามารถควบคุมแรงงานผิดกฎหมายได้นั้น จากจำนวนแรงงานต่างด้าวทั่วประเทศ 2.3 ล้านคน มีแรงงานผิดกฎหมายขึ้นทะเบียนเพียง 50,000 คน สะท้อนให้เห็นว่า มาตรการนี้ไม่ได้ผลไม่สามารถควบคุมแรงงานผิดกฎหมาย และไม่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ นอกจากนี้เห็นว่า งบประมาณกระทรวงแรงงานที่ตั้งไว้เพื่อจัดซื้อคอมพิวเตอร์จำนวน 850 ล้านบาทนั้น ในภาวะการณ์ปัจจุบันควรนำเม็ดเงินจำนวนนี้มาแก้ปัญหาแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดมากกว่า

นายสมคิด กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเลขแรงงานต่างด้าวซึ่งมีประมาณ 2.3 ล้านคน แบ่งเป็น กทม.7.5 แสนคน ปริมณฑล 1.3 แสนคน มีแรงงานผิดกฎหมายมาขึ้นทะเบียน 5 หมื่นคน แต่บางกลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ไม่ยอมขึ้นทะเบียน และไม่มีมาตรการตรวจคัดกรอง ทำให้วันนี้โควิดมันกระจายก็เพราะมาจากแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทางแม่สอด ที่มีการลักลอบขนแรงงานเข้ามา โดยกระบวนการนี้มีดาบ จ.ซึ่งรู้จักกันทั้งแม่สอด โดยส่งต่อไปให้ดาบนั่นดาบนี่ ข้างบนสุดท้ายคือ “บิ๊ก ป ” และมีเจ๊ อ. ร่วมขบวนการด้วยในการเป็นเอเย่น กระจายแรงงานเถื่อนไปตามจุดต่างๆในประเทศ ซึ่งตนไม่แน่ใจว่านายสุชาติ เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ค่าหัวแรงงานเถื่อนตกอยู่ที่ 5,000 บาทต่อคน ซึ่งที่ผ่านมาตัวเลขแรงงานเถื่อนมีถึง 5 หมื่นคน คิดเป็นมูลค่า 250 ล้านบาท เรื่องนี้เคยพูดไปแล้วเมื่อการอภิปรายครั้งที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีการจัดการจากรัฐบาลเลย วันนี้ตนจึงได้พูดซ้ำอีก และหากยังไม่มีการจัดการอีก ก็จะพูดต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ ทำให้สถานการณ์โควิดย่ำแย่และเกิดความเสียหายกับประเทศ

นายสมคิด กล่าวย้ำว่า การดำเนินงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ถือว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาแรงงานทั้งระบบได้ ทำหน้าที่ไม่เต็มกำลังความสามารถ ปล่อยปละละเลยปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการและแรงงาน ออกมาตรการช่วยเหลือ เยียวยาไม่ครอบคลุมแรงงานทั้งระบบ ตนจึงไม่ไว้วางใจให้ทำหน้าที่ต่อ

นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

ด้านนายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า กระทรวงแรงงานมีการนำเงินในกองทุนฯ ออกมาใช้จำนวน 10,100 ล้านบาท ขณะเดียวกันได้สั่งลดการจ่ายเงินสมทบกองทุนฯ อีก 88,831 ล้านบาท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสวัสดิการของผู้ใช้แรงงาน ขณะที่มาตรการเยียวยาแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อคดาวน์ มีความล่าช้าจนส่งผลกระทบต่อรายได้ที่จะใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตประจำวัน ข้อมูลตกหล่นไม่ทั่วถึง และเลือกปฏิบัติเฉพาะ 9 กิจการ โดยเป็นมาตรการที่ไม่คำนึงถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน ขณะที่การเปิดรับผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เพียงหวังตัวเลขที่จะขอรับเงินเยียวยาเท่านั้น ไม่ได้วางแผนล่วงหน้าในระยะยาวรองรับไว้ แต่ยังมีผู้ใช้แรงงานอีกมากไม่สามารถเข้าถึงระบบประกันสังคม

การขอรับวัคซีนและเตียงผู้ป่วย จะต้องอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวกับ รมว.แรงงาน ทำให้สถานประกอบการขนาดเล็กไม่สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าว โดยแรงงานต้องไปนอนรอในปั้มน้ำมันเพื่อรอคิวตรวจหาเชื้อและเตียงผู้ป่วย ขณะที่การดำเนินมาตรการ Buble & Seal หรือ Factory Sandbox สร้างภาระให้กับผู้ประกอบการอย่างมาก ซึ่งมีผู้ประกอบการที่มีความพร้อมจะดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวได้เพียง 30% เท่านั้น

ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ชี้แจงว่า รัฐบาลตามจ่ายหนี้คืนกองทุนประกันสังคมเรื่อยมา จนเหลือค้างราว 6 หมื่นล้านบาท ส่วนการลดสมทบกองทุนฯ เป็นไปตามข้อเรียกร้องขององค์กรภาคเอกชน เพื่อลดภาระและรักษาสภาพการจ้างงานให้คงไว้ตามเดิม ซึ่งผ่านความเห็นชองของคณะกรรมการไตรภาคี การดำเนินมาตรการเยียวยา 29 จังหวัดจะครอบคลุมทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ม.33 ม.39 และ ม.40 กว่า 8 ล้านคนนั้นใช้เงินงบประมาณ ไม่ได้ใช้เงินกองทุนฯ และการดำเนินมาตรการเยียวยานั้น ต้องดำเนินการไปตามกรอบของกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลได้เปิดรับสมัครตาม ม.40 ไม่สามารถจะจ่ายเงินให้ไปโดยไม่มีหลักฐาน ซึ่งรัฐบาลมีความเป็นห่วงแรงงานนอกระบบราว 20 ล้านคน

ส่วนการปิดแคมป์คนงานนั้นยอมรับว่ามีการหลบหนีออกไปได้บ้าง ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงคาบลูกคาบดอก แต่ขณะนี้ทั้ง 622 แคมป์ในกรุงเทพฯ ที่มีคนงานราว 8 หมื่นคน สามารถเปิดดำเนินการได้ตามปกติแล้วหลังจากได้ดำเนินมาตรการตรวจคัดกรองหาเชื้อและฉีดวัคซีนให้ครบ 100%