สรุปดราม่า “คลิปลุง” สะเทือนการเมืองไทย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติถึงขีดสุด เมื่อโดนเล่นงานอย่างหนัก จากทุกๆ ฝ่าย จนมาถึง “คลิปเสียงหลุด” ที่อาจทำให้เขาจบบทบาททางการเมืองไปเพียงแค่นี้

ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหนึ่งใน 3 ป. ผู้ทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจจาก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในปี 2557 และรับตำแหน่งเป็น รองประธาน คสช. ตามด้วยตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ในปี 2563 พล.อ.ประวิตร ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยมีการประเมินว่า “บิ๊กป้อม” ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หลังหมดสมัยของ พล.อ.ประยุทธ์

อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2566 พรรคพลังประชารัฐล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เมื่อได้ ส.ส.เพียง 40 คนเท่านั้น ลดลงจากเลือกตั้งครั้งก่อน 76 คน หมดสภาพจากพรรคใหญ่ กลายเป็นพรรคระดับกลาง ที่แทบไม่เหลืออำนาจต่อรองใดๆ อีก

ในปี 2567 สถานการณ์การเมืองพลิกอีกรอบ เมื่อ พรรคเพื่อไทยครองอำนาจเด็ดขาด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ต้องโทษคดีใดๆ อีก สามารถเป็นที่ปรึกษาเบื้องหลังรัฐบาลนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เชื่อว่า จะมีเกม “เอาคืน” พล.อ.ประวิตร ในวัย 79 ปี ที่เริ่มเสื่อมถอยอำนาจแล้ว

สิ่งแรกที่ฝั่งเพื่อไทยทำ คือไม่รับ พล.อ.ประวิตร และพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาอยู่ในรัฐบาล นส.แพทองธาร ทั้งๆ ที่เคยอยู่มาก่อน ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน โดยดึงเอาพรรคประชาธิปัตย์มาแทน

นั่นทำให้ พรรคพลังประชารัฐ แทบจะล่มสลาย สส.ในกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า 29 เสียง ประกาศย้ายข้างมาอยู่กับเพื่อไทยแทน จนตอนนี้เสียงในมือของ พล.อ.ประวิตร เหลือแค่สิบกว่าคนเท่านั้น

เกมการเมืองพ่ายแพ้ ขณะที่ภาพลักษณ์กับสังคม ยิ่งติดลบหนักไปอีก จากกรณี “คลิปเสียงหลุด”

ในรายการเจาะลึกทั่วไทย ทางช่อง MCOT HD ที่มี ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ เป็นพิธีกร ได้เปิด “คลิปลุง” จำนวน 4 คลิป เป็นการบันทึกเสียงเอาไว้ในอดีต แต่ถูกนำมาเผยแพร่พร้อมกัน โดยทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกับ พล.อ.ประวิตรทั้งหมด

——————

[ คลิปที่ 1 เป็นเสียงคล้าย พล.อ.ประวิตร พูดขึ้นมา ในช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2566 ]

“ผมเป็นรอง ทำงานให้กับท่านนายกฯ มานาน ทำสำเร็จหลายเรื่อง ต่อไปนี้ ผมอยากจะขอให้ผมประชาชน ให้ผมได้ลองนั่งเบอร์ 1 ดูบ้างนะ ผมจะขอ”

คลิปนี้ เป็นเสียงของพล.อ.ประวิตร ที่มีความพยายามอยากจะเป็นนายกฯ ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของประเทศ

สิ่งที่สะท้อนออกมาให้เห็นในเรื่องนี้คือ ในการสนทนาส่วนตัวของคนในกลุ่มเล็กๆ แค่ไม่กี่คน แต่มีคนอัดเสียง เอามาเผยแพร่ในเวลาต่อมา แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นปึกแผ่น ภายในพรรคพลังประชารัฐเอง

——————

[ คลิปที่ 2 เป็นเสียงคล้าย พล.อ.ประวิตร โทรศัพท์ คุยกับ คนชื่อ โอ๋ ที่คาดกันว่า อาจเป็นนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ]

เสียงที่ 1 : ไอ้โอ๋

เสียงที่ 2 : ครับนายครับ

เสียงที่ 1 : จะให้กูออกจากหัวหน้าพรรคหรอ?

เสียงที่ 2 : ผมไม่ได้พูดนี่ครับ ผมไม่ได้พูดครับนาย

เสียงที่ 1 : ไม่มีออกเลยนะ มึงจำไว้

เสียงที่ 2 : ผมไม่ได้พูดครับนาย ผมไม่ได้พูด

เสียงที่ 1 : แล้วแบ่งเงิน แบ่งทอง กันยังไง

เสียงที่ 2 : ผมไม่ทราบครับนาย

เสียงที่ 1 : อ้าว แล้วมึงรับเงินมาแล้ว ไม่จ่ายหรือไง

เสียงที่ 2 : ครับ

เสียงที่ 1 : หา บอกว่า แล้วเงินจ่ายไหน บอกว่าเอามาให้กูจ่ายไง หะ แล้วไง

เสียงที่ 2 : วันจันทร์ ผมเข้าไปอธิบายให้ฟังครับ

เสียงที่ 1 : โอเค

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคลิป ที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งภายในพรรค ถ้าเป็นของจริง รวมถึงมีประเด็นเรื่องเงินมาเกี่ยวข้องด้วย ที่ต้องสืบสาวกันต่อไปว่า เป็นเงินจากอะไร และคนทำงานการเมือง สามารถแบ่งเงินอะไรกันแบบนี้ได้เลยอย่างนั้นหรือ

——————

[ คลิปที่ 3 เป็นบทสนทนา ที่มีเสียงคล้ายพล.อ.ประวิตร คุยกับ บุคคลหนึ่งเรื่องการแต่งตั้งบุคลากรของกระทรวง ]

ชายคนหนึ่งกำลังรายงาน กับคนที่เสียงคล้าย พล.อ.ประวิตรว่า ให้แต่งตั้ง คนชื่อขจร มารับตำแหน่ง โดยพูดว่า “ไม่งั้นสั่งไม่ได้ เรื่องงบประมาณที่ท่านขอไป”

ก่อนที่ชายเสียงคล้าย พล.อ.ประวิตรจะพูดว่า “ขจรอ่ะ ดีแล้ว ขจรยังพูดกันรู้เรื่อง” จากนั้นก็มีเสียงพูดถึง การขอตำแหน่งอย่างอื่นกันอีก

เรื่องนี้ สะท้อนให้เห็นว่า มีการแต่งตั้งข้าราชการกัน โดยเอาคนที่ตัวเองสามารถคอนโทรลได้ เพื่อการเบิกจ่ายงบ จะทำได้ง่าย โดยไม่คำนึงถึงความสามารถของข้าราชการที่โดนแต่งตั้ง

——————

หลังการเผยแพร่ทั้ง 3 คลิปนี้ออกมา ฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ ทั้งโฆษกพรรค พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย และ รองโฆษก นายสามารถ เจนชัยจิตวนิช ได้ออกมาตอบโต้ว่า อาจเป็นขบวนการสาดน้ำโคลน โดยใช้ AI ทำเสียงพล.อ.ประวิตรขึ้นมา

อย่างไรก็ตามล่าสุด ในคลิปที่ 3 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยอมรับแล้วว่าเป็นของจริง ไม่ใช่เสียงตัดต่อแต่อย่างใด ส่วน คลิปที่ 1 และ 2 ก็จะเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือไม่ในอนาคต

ความน่าสนใจของเคสนี้ คือคลิปเสียงทั้ง 3 ถูกอัดคนละช่วงเวลา แต่ถูกปล่อยออกมาพร้อมกันในเวลานี้ สะท้อนให้เห็นว่า คนที่ถือคลิปอยู่ วางกับดัก วางหนอนบ่อนไส้ ไว้ใกล้ตัว พล.อ.ประวิตรนานแล้ว และสะท้อนให้เห็นว่า นี่แค่ออเดิร์ฟเท่านั้น ถ้าหากพล.อ.ประวิตร ยังอยู่ในเกมการเมืองต่อ ก็อาจจะปล่อยอะไรที่รุนแรงยิ่งกว่านี้มาอีกก็เป็นได้

สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองล่าสุด แม้พรรคเพื่อไทย จะกุมอำนาจในสภาผู้แทนราษฎรก็ตาม แต่พล.อ.ประวิตร ยังมีพลังอยู่ นั่นคือมี พลังภายในแฝงอยู่ในองค์กรอิสระ ที่ผ่านการแต่งตั้งจากคสช. เดิม ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปจนถึง ศาลรัฐธรรมนูญ

ดังนั้น ต้องติดตามกันต่อไปว่า คลิปที่หลุดออกมา รวมถึงคลิปที่อาจจะยังมีอีก จะสามารถนำมาสู่เกมการต่อรอง เพื่อเบรกองค์กรอิสระที่อยู่ในการคอนโทรลของพล.อ.ประวิตร ได้หรือไม่

บทสรุปของเรื่องนี้ ถือว่าทำให้พล.อ.ประวิตรเจ็บตัวหนักมาก กระแสมวลชนที่ต่อต้านอยู่แล้ว ยิ่งน้อยลงไปอีก ขณะที่คนที่อยู่ใกล้ชิดรอบตัว ก็ยิ่งน่าสงสัยว่าใครบ้างที่ไว้ใจได้ ในวัย 79 ปี ความหวังในการเป็น “เบอร์ 1 ของประเทศ” ของพล.อ.ประวิตรแทบจะไม่เหลือแล้วยกเว้นว่าแต่เขาจะทหารเพื่อนำมาสู่การปฏิวัติอีกครั้ง