นายกฯ ฉุน บอกถูกดิสเครดิตโยงรัฐประหาร ช่วงเลือกตั้ง ลั่นปี 57 เป็นครั้งสุดท้าย

‘พล.อ.ประยุทธ์’ รับอ่านจดหมาย ‘พล.อ.ประวิตร’ แล้ว ยืนยัน สัมพันธ์พี่น้องเหมือนเดิม ยั๊วะคนมองจ้องรัฐประหาร ลั่นบอกหลายครั้งแล้วว่า (22 พ.ค. 2557) เป็นครั้งสุดท้าย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์รับได้อ่านจดหมายฉบับที่ 5 ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในนามหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้ว โดยบอกว่า “ใครจะเขียนก็เขียนได้ทั้งนั้น คิดเอาเองแล้วกัน”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อความของพล.อ.ประวิตร หลายฉบับกล่าวย้อนถึงเหตุการณ์รัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “เลิก เขาทำรัฐประหารปีไหนมาแล้วห๊ะ ผมมายืนอยู่ตรงนี้ มายืนด้วยอะไร รัฐธรรมนูญ ระบบรัฐสภา ไม่ใช่หรือ ช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ลองดูสิว่า ถ้าไม่มีอะไรที่ทำให้ความขัดแย้งลดลง มันจะเกิดอะไรขึ้นถึงวันนี้ เราจะยืนอยู่แบบนี้ได้หรือเปล่า ยังไม่รู้เลย”

เมื่อถามต่อว่า บรรยากาศบ้านเมืองในขณะนี้ จะไม่มีอะไรแบบนั้นใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เห็นจะมีอะไรเลย เพียงแต่ว่าประชาชนทุกคนต้องคิดว่า มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ทุกอย่างจะพัฒนาได้ ประเทศนี้ต้องมีความสงบเรียบร้อย มีความสุขและต้องไม่มีเรื่องความรุนแรงเกิดขึ้น อย่ากลับไปที่เดิมอีกเลย

เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่าจดหมายของพล.อ.ประวิตร มักย้อนเรื่องรัฐประหาร นายกฯ ตอบว่า ก็แล้วแต่ท่าน

เมื่อถามว่า หากไม่ได้กลับมาดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ โอกาสการรัฐประหารจะเกิดขึ้นอีกครั้ง หากอีกฝ่ายได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า “ใครจะทำรัฐประหาร แล้วใครจะทำ ใครจะทำ ผมถาม”

เมื่อสื่อถามย้ำอีกว่า จะเกิดรัฐประหารอีกหรือไม่ นายกฯ จึงตอบว่า “ผมเคยพูดไปตั้งนานแล้วว่า ครั้งสุดท้ายแล้ว มันไม่ควรจะมีอะไรได้อีกแล้ว มันอยู่ที่พวกเรานั่นแหละ จะช่วยกันได้อย่างไร ถ้าขัดแย้งรุนแรงกัน ผมก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาด้วยอะไร เพราะผมไม่เกี่ยวแล้ว”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจากนี้ไปจะเป็นประชาธิปไตยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนกลับทันทีว่า “แล้ววันนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยหรือ”

ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่าหมายถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายกฯ จึงระบุว่า “ก็ประชาธิปไตยไง ให้ทุกคนพยายามรักษากฎกติกา กฎหมายมีอยู่ทุกตัว”

เมื่อถามว่า การนำเหตุการณ์รัฐประหารมาพูดจะเป็นการดิสเครดิตนายกรัฐมนตรีในช่วงการเลือกตั้งหรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า สื่อก็ถามแบบนี้อยู่แล้ว แน่นอนเขาต้องดิสเครดิตเราอยู่แล้ว ก็อธิบายชี้แจงไปหลายครั้งแล้วในสภาฯ ตนก็พูดไป คิดเอาเองแล้วกัน

เมื่อถามว่า วันนี้มองว่า พล.อ.ประวิตรเปลี่ยนไปหรือไม่ ในทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เขาก็เป็นพี่ผมเหมือนเดิม”

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าเปลี่ยนไปในการสื่อสารทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า “มีคนช่วยท่านเยอะอยู่แล้ว” ส่วนจะมาจากคนรอบข้างหรือไม่ “ไม่รู้ ไม่ทราบ”

เมื่อถามย้ำว่า จากข้อความในจดหมายเป็นตัวตนของพล.อ.ประวิตรใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ย้ำคำเดิมว่า ไม่ทราบ ไม่ทราบ ไม่รู้

ผู้สื่อข่าวเปลี่ยนไปถามถึงนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มองเป็นคู่แข่งที่น่ากังวลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ตนไม่ได้ไปแข่งอะไรกับท่าน สิ่งที่ผมพูดถึงคือการให้มองภาพใหญ่ของรัฐบาลในขณะนี้ ทุกคนเก่งหมด หลายคนอาจมองว่า ตนไม่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ ตนอยู่มาหลายปีแล้วก็ศึกษาและมีคนเก่งๆ ช่วยงานเป็นร้อย

เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ มองว่าพรรคการเมืองใดเป็นคู่แข่งตัวจริง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทุกพรรคละมั้ง ทุกพรรคแข่งกันหมด

ส่วนที่พล.อ.ประวิตร ชูจุดขายก้าวข้ามความขัดแย้ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้อนกลับทันทีว่า แล้วมันขัดแย้งกันตรงไหนตอนนี้

ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า มีการแบ่งขั้วทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ เค้นเสียงตอบว่า “แบ่งขั้วอะไร ผมไม่เห็นมีขั้วอะไรสักขั้ว ก่อนที่จะถอนหายใจพร้อมข่มอารมณ์ว่า เหอะ คิดกันไปเองหมดเน๊าะ” พร้อมขอสื่อมวลชนอย่าไปสร้างความสับสนอลหม่านมาก

“ไม่ใช่ใครพูดอะไรมาแล้วนำมาขยายหมด ก็มีแต่เรื่องนั่นแหละ ผมจะไม่พูดอะไรเรื่องพวกนี้ จบไปแล้ว ก็ให้มันจบไป ของเก่าคือของเก่า วันนี้ไปเดินหน้าประเทศกันเถอะ ท่ามกลางความสงบสุขเรียบร้อยของประเทศชาติไม่ดีกว่าหรือ ผมก็คิดแค่นี้แหละ ที่ผ่านมาผมก็คิดแบบนี้มาตลอด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่อยู่ในกติกา แต่มีคนพยายามลากออกมานอกกติกา นายกฯ ตอบว่า เรื่องอะไรจะให้เขาลากออกไป ตนก็อยู่ในกติกาของตน ของประชาธิปไตย วันนี้ต่างประเทศประเมินจัดลำดับเรื่องประชาธิปไตยของไทยดีขึ้น ขอให้ไปดูตรงนั้น โลกเขาลงคะแนนมาแล้ว ให้คะแนนสูงขึ้น แล้วบอกเราไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน