เพื่อไทย ยื่นประธานสภาฯ แก้ไขกฎหมายลูก 2 ฉบับ หนุนใช้เบอร์เดียว-ยังคงไพรมารีโหวต แต่มีปรับเล็กน้อย

เพื่อไทย ยื่นประธานสภาฯ แก้ไขกฎหมายลูก 2 ฉบับ หนุนใช้เบอร์เดียว-ยังคงไพรมารีโหวต แต่มีปรับเล็กน้อย

วันที่ 16 ธ.ค. 64 เวลา 10.30 น. นายสุทิน คลังแสง ประธานกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยคณะ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ยื่นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่..) พ.ศ. …. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่..) พ.ศ. …. พร้อมรายชื่อสมาชิกฯ จำนวน 102 รายชื่อ ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนรับมอบ

นายชลน่าน ศรีแก้ว กล่าวว่า ร่าง พ.ร.ป. ดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้

1. ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีหลักการ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และเหตุผล โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2564 กำหนดให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนห้าร้อยคนซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 400 คน และมาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อจำนวน 100 คน โดยใช้บัตรเลือกตั้งแบบละ 1 ใบ

และเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับให้เป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์กันโดยตรงกับจำนวนคะแนนรวมที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับเลือกตั้งรวมกันทั้งประเทศ และกำหนดให้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ การออกเสียงลงคะแนน การนับคะแนน การรวมคะแนน การประกาศผลการเลือกตั้ง และการอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญข้างต้น จึงจำเป็นต้องตรา พ.ร.ป.นี้ เพื่อรองรับวิธีการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ วิธีการคำนวณคะแนนบัญชีรายชื่อให้สอดคล้องกับการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ และหมายเลขประจำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง

2. ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีหลักการ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 และเหตุผล โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1 ) พุทธศักราช 2564 กำหนดให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนห้าร้อยคน โดยมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 400 คนและแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน จึงต้องแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และโดยที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มีบทบัญญัติบางประการที่เป็นอุปสรรคและจำกัดเสรีภาพในการจัดตั้งพรรคการเมืองและการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของบุคคล บางเรื่องเป็นภาระของพรรคการเมืองเกินสมควร และระยะเวลาที่ต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบเรื่องการจัดตั้งและเปลี่ยนแปลงภายในพรรคการเมืองที่สั้นเกินไป ทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติแก่พรรคการเมือง

อีกทั้งการบังคับให้สมาชิกพรรคต้องชำระค่าบำรุงพรรคไม่สอดคล้องกับเสรีภาพของบุคคลและมีปัญหาในทางปฏิบัติมาก การกำหนดเหตุของการยุบพรรคการเมืองที่มีมากเกินไป ทั้งที่การกระทำอันเป็นเหตุยุบพรรคนั้น กฎหมายกำหนดเป็นความผิดอาญาและความรับผิดทางปกครองอยู่แล้ว จึงอาจมีการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อยุบพรรคการเมืองได้ง่าย รวมถึงบทบัญญัติหลายมาตราสมควรแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจน จึงจำเป็นต้องตรา พ.ร.ป.นี้ โดยยืนยันให้ยังมีระบบ Primary Vote (ไพรมารีโหวต) อยู่ และเสนอให้มีสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองเพียง 1 เขต สามารถส่งผู้สมัครได้ทุกเขต ตลอดจนแก้ไขข้อจำกัดการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ในประเด็นค่าบำรุงพรรคการเมือง และกำหนดอัตราค่าบำรุงโดยให้พรรคการเมืองแต่ละพรรคกำหนดกันเอง อีกทั้งข้อเสนอเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองโดยศาลรัฐธรรมนูญต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนในการยุบพรรคการเมือง

จากนั้น นายสุทิน คลังแสง กล่าวว่า หลังจากนี้จะเป็นกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องตามขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎร เชื่อว่าร่าง พ.ร.ป. ทั้ง 2 ฉบับนี้ จะได้รับการบรรจุในระเบียบวาระการประชุมต่อไป