Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เปิดยุทธการเด็ดหัวสอยนั่งร้าน วันที่ 2 ‘ประเสริฐ’ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เปิดโปงทุจริตถุงมือยางภาค 2 มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้าน ชี้นายกฯ เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่กล้าปลด ‘จุรินทร์’ เพราะเกรงว่าสถานะนายกฯ อาจไม่มั่นคง

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 13 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษวันที่ 20 ก.ค. 2565 โดยวันนี้จะเป็นการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลต่อเป็นวันที่สองภายใต้ยุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม

เริ่มที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประเด็นการทุจริตการจัดซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) มูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท แต่กลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ จนความเสียหายเกิดขึ้นและปัจจุบันยังไม่สามารถติดตามเงินกลับคืนมาได้

นายประเสริฐ กล่าวว่า นายกฯ กลับทำตัวเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ แต่ปากว่าตาขยิบ รู้ว่านายจุรินทร์มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เกรงใจไม่กล้าปลดออกจากตำแหน่ง เพราะเกรงว่าสถานะนายกฯ อาจไม่มั่นคง เพราะเกรงว่านายจุรินทร์จะถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล จึงปล่อยปละละเลยการทุจริตที่เกิดขึ้น นายจุรินทร์มีพฤติกรรมฉ้อฉล ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ รู้เห็นเป็นใจปล่อยให้มีการทุจริตเกิดขึ้น สาเหตุเนื่องจากกลุ่มบุคคลทุจริตนั้นเป็นบุคคลใกล้ชิด เป็นบุคคลที่ตนเองแต่งตั้งขึ้นมาโดยไม่อายัดเงินให้ทันต่อเหตุการณ์ อีกทั้งยังมีเจตนาทอดเวลาจนในที่สุดกลุ่มผู้กระทำการทุจริตได้นำเงินที่ได้นั้นไปทำการฟอกเงิน กระจายเงินไปตามบัญชีต่างๆจนไม่สามารถติดตามได้

  • เปิดเส้นทางการฟองเงิน บริษัทการ์เดียน โกลฟส์ จำกัด

การอภิปรายฯครั้งนี้มีข้อมูลใหม่เกี่ยวข้องกับพฤติการณ์การฟอกเงิน โดยมีเส้นทางการเงินของบริษัทการ์เดียน โกลฟส์ จำกัดว่ามีการโอนเงินไปให้ใคร องค์การคลังสินค้าได้ทำสัญญาขายถุงมือยาง จำนวน 7 สัญญามูลค่า 186,100 ล้านบาท สร้างข้อมูลอันเป็นเท็จว่ามีการสั่งซื้อจากบริษัท 7 แห่งจำนวนมาก เพื่อต้องการอ้างเหตุว่ามีออเดอร์ โดยจัดซื้อจากบริษัทการ์เดียน โกลฟส์ จำกัดจำนวน 500 ล้านกล่อง กล่องละ 225 บาทมูลค่า 112,500 ล้านบาท ปัจจุบันได้รับเงินมัดจำไปแล้ว 2,000 ล้านบาทจากองค์การคลังสินค้า แต่องค์การคลังสินค้า ยังไม่ได้รับมอบถุงมือยางแต่อย่างใด และปัจจุบันได้ยกเลิกสัญญาแล้ว

จากการอภิปรายฯครั้งที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 64 เห็นได้ชัดว่าการทุจริตเกิดขึ้นจริง เงิน 2,000 ล้านบาทยังติดตามคืนไม่ได้ ผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตยังใช้ชีวิตหรูหรา ใช้นาฬิกายี่ห้อริชาร์ดมิลล์ ซื้อรถแลมโบกินี่ รถบีเอ็มดับบลิว และบ้านใหม่หลายล้านบาท ลอยนวลในสังคมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยตนได้ยื่นคำร้องต่อป.ป.ช. เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 64 ต่อมาป.ป.ช.ได้ทำบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 64 จำนวน 22 ราย มีการไต่สวนเบื้องต้นเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหาว่ามีมูลความผิดจริงจนป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา โดยเฉพาะประธานบอร์ดองค์การคลังสินค้า แต่นายจุรินทร์ไม่สนใจปล่อยให้ทำหน้าที่ต่อไปจนหมดวาระ และไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวน พฤติกรรมของนายจุรินทร์อ้าง ผอ.องค์การคลังสินค้าว่ามีรายงานให้ตน 4 ครั้ง เพราะกลัวภัยจะมาถึงตัวและเคยตอบในสภาฯ ว่าตนเองเป็นเพียงบุรุษไปรษณีย์ ผมคิดว่าถ้าเป็นแค่นั้นอย่ามาเป็นรัฐมนตรีเลย แต่กลับปฏิเสธความรับผิดชอบทั้งที่กฎหมายให้อำนาจ วันนี้ผมมาทวงถามให้นายจุรินทร์ได้ตอบว่าเคยมีหนังสือไปบอร์ดองค์การคลังสินค้าหรือไม่ในเรื่องที่เกี่ยวกับการทุจริตที่เกิดขึ้น สิ่งที่นายจุรินทร์เคยพูดในสภาฯ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 63 ว่าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจะไม่มีละเว้น แม้แต่ประธานบอร์ด จงใจละเว้นไม่ปลดผอ.องค์การคลังสินค้า ปล่อยให้ดำรงตำแหน่งต่ออีกเกือบ 1 ปีเพื่อป้องกันไม่ให้ภัยมาถึงตัว

อีกทั้งยังแต่งตั้งบุคคลที่มีประวัติไม่ชอบมาพากลเรื่องหน้ากากอนามัยขาดแคลน และมีราคาแพง ประชาชนเดือดร้อนถ้วนหน้าในช่วงตอนต้นที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 มาเป็น ผอ.องค์การคลังสินค้าคนใหม่ เพราะมีความสนิทสนมกับครอบครัวนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆของนายจุรินทร์เป็นอย่างมาก เมื่อนายจุรินทร์ทราบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง แต่ไม่อายัดเงินให้ทันสถานกาณณ์ส่งผลให้เกิดความเสียหาย โดยผู้กระทำความผิดมีการฟอกเงิน 2,000 ล้านบาทอย่างเปิดเผย ไร้ยางอายตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. 2563 และมีการสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จในการอออกหนังสือรับรองยอดเงินฝาก จนกระทั่งวันที่ 29 ก.ย. 2563 ป.ป.ช.มีมติอายัดบัญชีเงินดังกล่าว

นายประเสริฐ กล่าวว่า เส้นทางการเงิน 2,000 ล้านบาท กลุ่มผู้ทุจริตเบิกเงินสด โอนเงินสด สร้างนอมินีรับเงินโอนหรือบัญชีม้าลักษณะปกปิด อำพรางเพื่อนำเงินไปแบ่งปันผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยบริษัทการ์เดียนฯการถอดเงินสด 56.33 ล้านบาทตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.-3 พ.ย. 63 จากธนาคาร และโอนเงินให้นิติบุคคลอย่างมีข้อพิรุธ จำนวน 967.17 ล้านบาท

“ผมสงสัยว่าเงินเหล่านี้อาจจะบินกลับมากระทรวงที่ตั้งอยู่ที่สนามบินน้ำ ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งมีการโอนเงินให้บุคคลต่างๆ กว่า 40 บัญชี จำนวน 151 ล้านบาท และมีข้อพิรุธ ทั้งที่บุคคลต่างๆ ไม่อยู่ในสถานะที่จะรับเงินได้ ที่น่าสงสัยว่าเกี่ยวพันกับการฟอกเงิน โดยมีบุคคลหนึ่งคอยประคับประคองตั้งแต่วันทำสัญญา การเบิกเงิน และเกี่ยวกันกับการทุจริตได้รับเงินสด 19 ล้านบาทเป็นการตอบแทนบุญคุณ ทำให้เห็นแล้วว่าเงินที่โอนไปไม่ได้ชำระค่าสินค้า ไม่ได้ชำระค่าถุงมือยาง เป็นการทุกธุรกิจผิดปกติถอนเงินไปแบ่งปันซึ่งกันและกัน หากนายจุรินทร์รีบอายัดเงินความเสียหายจะไม่เกิดขึ้น แต่ทอดเวลา ละเว้นปล่อยปละละเลยให้ผู้ทุจริตนำเงินไปใช้ อีกทั้งยังมีการโยกย้ายเงินเพื่อออกหนังสือรับรองเงินฝากด้วย แบบถอนเข้าถอนออก เพื่อสร้างหลักฐานรับรองยอดเงินฝาก ผมแปลกใจที่พล.อ.ประยุทธ์ และนายจุรินทร์เพิกเฉย อย่ามาอ้างตนเองไม่มีอำนาจหน้าที่ เพราะองค์การคลังสินค้าอยู่ภายใต้กำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์ อย่าอ้างไม่รู้ โง่จริงหรือจงใจแกล้งโง่” ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าว

แม้การอภิปรายฯครั้งนี้จะเป็นเรื่องเดิม แต่ตอนนั้นมีเพียงคลิปเสียงการประชุมของบอร์ดองค์การคลังสินค้า ยังไม่มีใบเสร็จเส้นทางการเงิน และการทุจริตต้องมีผู้รับผิดชอบ แต่กลับแก้ตัวในสภาฯว่าไม่เกี่ยวข้องใดๆ ถือว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา หากพล.อ.ประยุทธ์และนายจุรินทร์ใช้อำนาจยับยั้งความเสียหายก็จะไม่เกิดขึ้น พฤติกรรมต่างๆล้วนมีข้อสังเกตและนัยยะสำคัญว่าเงินไปตกอยู่กับผู้มีอิทธิพลทางการเมือง ตนขอเรียกร้องให้ป.ป.ช.สอบสวนพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะยังไม่มีการดำเนินคดีกับฝ่ายการเมืองเลย และหลังจากวันนี้ตนจะนำข้อมูลใหม่ในคดีทุจริตจัดซื้อถุงมือยางไปยื่นป.ป.ช.อีกครั้ง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า