‘พิธา’ ชี้นายกฯ ต้องมาตามระบบรัฐสภา ตั้งเป้าเลือกตั้งครั้งหน้าได้ไม่ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง

ประชุมใหญ่พรรคก้าวไกล ‘พิธา’ ชี้นายกฯ ต้องมาตามระบบรัฐสภา ตั้งเป้าเลือกตั้งครั้งหน้าได้ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง

วันที่ 30 เม.ย. 2565 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และส.ส บัญชีรายชื่อ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2565 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) ถึงกระแสข่าวที่ว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจะมีการเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเป็นนายกฯ

นายพิธา กล่าวว่า โดยระบบรัฐสภาแล้วนายกรัฐมนตรีควรมาจาก ส.ส. และอยู่ในเเคนดิเดตของพรรคการเมือง ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่นั้นประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน เพราะยังมีบางประเด็นที่สังคมยังเคลือบแคลงใจในตัวพล.อ.ประวิตร ทั้งเรื่องมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดและปัญหาการค้ามนุษย์ คิดว่าเป็นเรื่องที่ควรมีการชี้แจงกับประชาชนก่อน

เมื่อถามว่าถ้ามีการปลดล็อกให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอกจะมาชิงตำแหน่งนี้หรือไม่

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยืนยันไม่เสนอตัวแต่จะทำตามกลไกของรัฐสภา เพราะสถานการณ์การเมืองที่เป็นอยู่จำเป็นต้องรักษาระบบเอาไว้ให้มั่น ทุกอย่างต้องมีความชอบธรรม และถ้ามาแบบไม่ชอบธรรม ต่อให้เป็นซูเปอร์แมนที่เก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถบริหารหรือมีภาวะผู้นำให้ประชาชนยอมรับได้ทั้งในประเทศและนอกประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองแคนดิเดตนายกฯ ที่มีชื่ออยู่ในตอนนี้ใครเหมาะสมที่สุด นายพิธา กล่าวว่า รอให้อุบัติเหตุเกิดก่อนแล้วค่อยว่ากัน

หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การตั้งเป้า ส.ส. ในการเลือกตั้งครั้งหน้าขณะนี้มีตัวเลขในใจทั้งส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อแล้ว แต่ไม่อยากเปิดเผยอย่างเป็นทางการ เพราะไม่อยากให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ต้องกังวล หรือเสียกำลังใจ แต่มั่นใจว่าจะได้ที่นั่งไม่ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง

สำหรับวาระสำคัญในการประชุมสามัญใหญ่ประจำปี 2565 พรรคก้าวไกลวันนี้ชื่องาน “เปลี่ยนประเทศไทย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” นอกจากวาระการประชุมตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมายแล้ว ยังมีเวทีเปลี่ยนประเทศไทย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน โดยนายพิธาจะพูดถึงแนวนโยบายพรรคทุกคนจะต้องช่วยกันทำงานอย่างหนักตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อสื่อสารไปยังประชาชน สร้างความเชื่อมั่น สร้างความรับรู้ถึงแนวคิด วิสัยทัศน์ และแนวนโยบายของพรรคก้าวไกล ให้ประชาชนเห็นด้วยและให้ความไว้วางใจเรามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ว่าการเลือกตั้งนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ตาม เพื่อให้ก้าวไกลเข้าไปเปลี่ยนประเทศไทยได้สำเร็จ