จบศึกเลือกตั้งอบต.กว่า 5,300 แห่งทั่วไทยไปแล้วพรรคใดกลุ่มการเมืองไหนคว้าชัยชนะไว้บ้างสังคมรับรู้กันแล้วและสนามนี้จะเป็นหนึ่งในกองหนุนของแต่ละพรรคสำหรับการเลือกตั้งส.ส. คราวหน้า
จากนี้รอดูปีหน้าว่าไตรมาสใดจะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.-ส.ก. และพรรคใดจะสมหวัง (จะบวกสนามเลือกตั้งเมืองพัทยาพ่วงไปด้วยก็ได้) เพราะสนามนี้เป็นหนึ่งปัจจัยวัดกระแสว่าพรรคไหนมีโอกาสมากน้อยเพียงใดกับการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรอีกชั้นหนึ่ง เพราะสนามนี้นั้นอย่าลืมวรรคทองการเมืองที่ยังใช้ได้เสมอว่า”คนต่างจังหวัดเลือกรัฐบาล คนกรุงล้มรัฐบาล”
เวลาหนึ่งปีเศษที่เหลืออยู่ของรัฐบาล”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”นั้น ตอนนี้เริ่มชัดแล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์มั่นใจว่าจะอยู่ครบวาระ”สี่ปี”หลังลงพื้นที่หลายจังหวัดทั่วไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควงแขน”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไปตรวจราชการที่จ.อุดรธานีเมื่อไม่กี่วันมานี้ นับเป็นภาพการลงพื้นที่ร่วมกันครั้งแรกหลังกระแสข่าวขัดแย้งของ3ป. เพราะก่อนหน้านั้นพล.อ.ประยุทธ์ดำเนินการปลด”ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ออกจากรมช.เกษตรและสหกรณ์-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้น”รมช.แรงงาน” ในช่วงกบฏการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยพล.อ.ประวิตรไม่ค่อยแฮปปี้ และยังเกิดกระแสตั้ง”พรรคสำรอง”ของพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.อนุพษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยขึ้นมาหลายคราว
ฉะนั้น การควงแขนของ”พี่ใหญ่-น้องเล็ก”ไปยังเมืองหลวงของคนเสื้อแดงและฐานกำลังของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสานนั้น หากตีความทางการเมือง ภาพนี้มีความหมายยิ่ง เพราะแปลว่า1.) กระแสข่าวขัดแย้งของ3ป.ยุติลง 2.)พลังประชารัฐหวังเพิ่มจำนวนส.ส.ในพื้นที่ที่ไม่สามารถปักธงได้เมื่อคราวที่แล้ว ดังนั้นเลือกตั้งส.ส.งวดหน้า พื้นที่เหล่านี้ต้องมีคนของพปชร.แทรกขึ้นมาได้บ้าง หรืออย่างน้อยบัตรเลือกตั้งสองใบที่จะใช้ในคราวหน้า คะแนนเหล่านั้นต้องเพิ่มขึ้นสำหรับสัดส่วนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แม้ส.ส.เขตในพื้นที่นั้นๆอาจจะพลาดหวังไปบ้างก็ตาม 3.)หัวหน้าพรรคและสมาชิกพปชร.ยังหนุนพล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นพล.อ.ประวิตรและพปชร.ต้องดำเนินการให้โอกาสบนเวทีการเมืองช่วงจากนี้ไปของพล.อ.ประยุทธ์จับต้องได้
ขณะเดียวกันร.อ.ธรรมนัสที่ยังเป็นส.ส.พะเยาและเลขาธิการพรรคพปชร. ยังเดินสายกับมฤมลในฐานะเหรัญญิกพรรคในพื้นที่ที่พปชร.พลาดเป้าและในความจริงนั้น พื้นที่เหล่านี้ยังขาดเจ้าภาพ เนื่องจากแกนนำหลากมุ้งในพปชร.ไม่ได้ให้ความสนใจนัก ทำให้คู่หูคู่นี้อาสาหัวหน้าพรรคไปลุยงานการเมืองให้เอง โดยหวังผลว่าการไปลุยในพื้นที่เหล่านี้จะเป็นผลบวกให้กับร.อ.ธรรมนัสและนฤมลเพื่อเรียกราคาตัวเองขึ้นมาบ้างหลังโดนพล.อ.ประยุทธ์เช็กบิลไปแบบเจ็บช้ำ
แต่ตอนนี้สายข่าวในพปชร.ให้ข้อมูลว่า การปรับภาพลักษณ์พรรคตามความตั้งใจของพล.อ.ประวิตรเพื่อให้สังคมยอมรับในช่วงหนึ่งปีเศษนั้น พล.อ.ประวิตรวางแนวทางไว้ว่า 1. แกนนำและส.ส.ของพรรคจะลงพื้นที่ให้ถี่ขึ้น 2. ผู้สมัครส.ส.งวดหน้าต้องภาพลักษณ์น่าเชื่อถือและมีผลงาน 3.นโยบายพรรคที่จะไปเสนอให้สังคมไว้วางใจนั้นต้องถูกกฎหมายและทำได้จริง 4.สนามกทม.นั้นพปชร.ส่งผู้สมัครส.ก. และหนุนคนนอกลงแข่งขันผู้ว่าฯกทม. ตรงนี้พล.อ.ประวิตรก็ให้น้ำหนักเช่นกัน
สายข่าวแจ้งว่า”พล.อ.ประวิตรจึงให้การบ้านแกนนำพรรคไปคัดเลือกบุคคลที่สังคมไว้วางใจมาทำงานการเมืองกับพรรคในแต่ละพื้นที่” แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้น ตอนนี้การบ้านที่ต้องเตรียมไว้เนิ่นๆนั้นคือ “การทดแทนกำลังพลที่อาจจะเสียไป” เนื่องจากคดีความที่สมาชิกพรรคและส.ส.แต่ละคนนั้นกำลังเผชิญอยู่
เช่น “เอกราช ช่างเหลา” ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์และแกนนำอีสานเหนือ เพราะสื่อท้องถิ่น รายงานว่า ผลพวงจากคดีทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นหลายร้อยล้านบาทซึ่งเอกราชไปเกี่ยวพันนั้น เริ่มบังเกิดผลแล้ว
วันที่8 ธ.ค.ลุ้นคำคัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่จะตัดสินสถานภาพ ส.ส.ของ 5 อดีตแกนนำกปปส. หลังถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุกและเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง โดยหนึ่งในนั้นคือ”พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์”อดีตรมว.ดีอีเอส
และส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พปชร.”ธนิกานต์ พรพงศาโรจน์” ส.ส.กทม.ที่โดนสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ จากกรณีเสียบบัตรแทนกัน – “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม.รอลุ้นผลในวันที่ 22 ธ.ค. ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ชะตา”คุณสมบัติ ส.ส.”ในคดีเคยต้องคำพิพากษาฉ้อโกง “ปารีณา ไกรคุปต์”ส.ส.ราชบุรี ในคดีถือครองที่ดินโดยมิชอบนั้น ต้องลุ้นผลว่าจะออกมาแบบใด “วิรัช รัตนเศรษฐ” แกนนำพรรคและครอบครัว ที่ต้องไปสู้คดีโกงงบสนามฟุตซอล
อีกคนคือ “สามารถ เจนชัยจิตวนิช”อดีตผู้ช่วยรมต.ยุติธรรมที่มอบให้นายตำรวจคนหนึ่งไปเรียนและเข้าสอบวัดผลภาษาอังกฤษแทน ณ สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง แม้พปชร.จะเชือด”สามารถ”โชว์สังคมไปแล้วก็ตาม
แม้เรื่องราวเหล่านี้จะเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน แต่มันปฏิเสธไม่ได้ว่าจะพัวพันมาถึงพปชร. อย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น”การสกรีนคนเข้าพรรค”จึงเป็นการบ้านที่พล.อ.ประวิตรต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะพล.อ.ประวิตรตั้งความหวังไว้ว่า”พปชร.ต้องตอบโจทย์และทำให้สังคมไว้วางใจให้ได้เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองให้ลุล่วงมากที่สุดในช่วงที่พล.อ.ประวิตรยังมีกำลังใจและเรี่ยวแรงที่พอทำงานให้บ้านเมือง”