‘ชลน่าน’ เปิดญัตติ ‘กระชากหน้ากากคนดี’ ซักฟอกรัฐบาลนัดสุดท้าย หวังประชาชนใช้ตัดสินวันเลือกตั้ง

‘ชลน่าน’ เปิดญัตติ ’กระชากหน้ากากคนดี’ ยันแม้ลงคะแนนไม่ไว้วางใจไม่ได้ แต่หวังประชาชนตัดสิน ลงคะแนนในคูหาเลือกตั้ง ว่าจะให้ ‘คนดี’ อยู่ต่อ หรือให้ ‘ประเทศ’ ไปต่อ 

วันแรกของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152  มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ซึ่งกำหนดการเดิมเปิดประชุมเวลา  09.30 น. แต่ต้องล่าช้ากว่ากำหนดประมาณ 40 นาที เนื่องจากหลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานครฝนตกหนัก การจราจรติดขัด 

โดยนายชวน ได้แจ้งมี ส.ส. ลาออกจากตำแหน่ง คือ นางแพงศรี พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ และน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ทำให้มี ส.ส. คงเหลือ 418 คน องค์ประชุมกึ่งหนึ่งคือ 209 คน

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้เปิดญัตติ ‘กระชากหน้ากากคนดี’  โดยระบุว่า การบริหารประเทศ ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น รัฐบาลนี้ถูกตั้งฉายาว่า หน้ากากคนดี ซึ่งมาจากเหตุผลที่รู้กันว่า คนดีที่ใส่หน้ากาก ตัวตนเป็นเช่นไรไม่รู้ แต่ใส่หน้ากาก บอกว่าเป็นคนดี วันนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมาชี้ให้เห็น หลังจากที่เราอภิปรายเสร็จแล้วทุกคนจะเห็นว่าคนดีใส่หน้ากากเป็นอย่างไร

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า การถอดหน้ากากคนดี หรือกระชากหน้ากากคนดีตรงนี้ สิ่งที่เราจะเห็นและปรากฏขึ้นจาก 8 ปีที่แปดเปื้อน โดยมี 20 ประเด็นปัญหา เป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จากการบริการราชการแผ่นดินของพล.อ.ประยุทธ์ ที่กระทบกับประชาชน

โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านที่จะอภิปราย 35 คน พรรคเพื่อไทย อภิปรายการไม่ปฏิบัติตามนโยบายเร่งด่วน 12 ประการ, ความรุนแรงจากเหตุการณ์กราดยิงที่ จ.หนองบัวลำภู, เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 65, การจัดสรรงบประมาณไม่เหมาะสม ไม่สอดคล้อง ไม่เป็นธรรม และการทุจริต คอร์รัปชัน

ส่วนพรรคก้าวไกล อภิปรายการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลว การกระจายอำนาจ การทุจริตเอื้อประโยชน์ในเชิงข้อเท็จจริง

พรรคประชาชาติ อภิปรายมุ่งเน้นเสนอข้อเท็จจริงปัญหาการทุจริตโครงการขนาดใหญ่  เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม 

พรรคเพื่อชาติ อภิปรายเศรษฐกิจที่ล้มเหลว สัมปทานที่ดินป่าไม้นายทุน ความไม่สงบชายแดนใต้ ใช้อำนาจเอื้อต่อตัวเองและพวกพ้อง ส่วนพรรคไทยศรีวิไลย์  อภิปรายเรื่องบ่อนการพนัน การให้ต่างด้าวซื้อที่ดิน และบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลว ขณะที่พรรคเสรีรวมไทย มีประเด็นที่สำคัญ ที่จะอภิปราย 

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ทั้งนี้ในช่วง 8 ปีที่พล.อ.ประยุทธ์ บริหาร พบว่ามีสถิติคนฆ่าตัวตายสูงเป็นอันดับหนึ่งของอาเซียน อันดับที่ 33 ของโลก 

ขณะเดียวกันทุนสีเทาระบาดหนัก ต้องขอบคุณผู้ตรวจสอบภาคประชาชน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เคยเป็น ส.ส. ผลงานที่เขาตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นในสังคม ลูกหลานตาสว่างว่า คนดีที่ใส่หน้ากากเบื้องหลังเขาเป็นอย่างไร ทำไมมาระบาดหนักในยุคนี้

ขณะที่เรื่องที่เกี่ยวเนื่องการทุจริต คอร์รัปชัน การซื้อขายตำแหน่ง ตบทรัพย์ ไม่รู้ใครเป็นเจ้าหน้าที่ ใครเป็นผู้ร้าย ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง ที่เป็นปกติของบ้านนี้เมืองนี้  แม้ว่าทุกอาชีพมีคนดีและไม่ดี แต่คนที่เลว ที่ทำลายอาชีพเขา เราต้องประณาม ลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่าง แม้จะไม่มีโทษทางกฎหมาย โทษทางสังคมต้องดำเนินการ ซึ่งโทษทางสังคมรุนแรงมาก สภาฯ แห่งนี้จะเป็นตัวเปิดให้ชี้เแจง

ขณะที่เรื่องยาบ้า ยาเสพติด ที่ยังมีเพิ่มขึ้น ตนเองลงพื้นที่  สิ่งที่ได้รับมาคือ ช่วยปราบยาบ้าให้หน่อย ข้าวของแพงทุกอย่าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในสมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยาบ้าราคาถูก 

รวมถึงเรื่องอบายมุขครบวงจร ที่เกิดขึ้นในยุค พล.อ.ประยุทธ์ ทั้ง เว็บพนันออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ เว็บดูดเงิน แชร์ลูกโซ่  ข้อเท็จจริงเหล่านี้ไม่พูดไม่ได้ เพราะเป็นภัยความมั่นคง นี่คือภาพรวมที่ตนพูดมาทั้งหมดจะถูกถอดหน้ากากออกมาเป็นชิ้นๆ   

นพ.ชลน่าน ปิดท้ายว่า  “ลงคะแนนไม่ได้ อยากให้พี่น้องประชาชนไปลงคะแนนในคูหาเลือกตั้ง ว่าท่านอยากจะให้คนดีนี้อยู่ต่อไปไหม หรืออยากให้ประเทศชาติบ้านเมืองลองไปต่อเหมือนที่ท่านบอกไว้ ประเทศต้องไปต่อ ประเทศต้องไปต่อครับ ไปต่ออย่างมีศักดิ์ศรี อย่างมีอนาคต และอย่างมีความหมาย  ไม่ใช่ไปต่อสำหรับใครบางคน ให้ไปต่อ เพียงเพื่อจะสืบทอดอำนาจ”