นายกรัฐมนตรี เผย ห่วงปัญหาหนี้สินของประชาชน พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือ ขณะที่ ครม. มีมติ ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 40 กลุ่มผู้ประกอบการอาชีพอิสระ เหลือร้อยละ 60 เป็นเวลา 6 เดือน
.วันที่ 15 มิ.ย. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุมยังหารือถึงการลดอัตราเงินสมทบสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 40 แห่ง พ.ร.บ.ประกันสังคม คือ กลุ่มผู้ประกอบการอาชีพอิสระ ซึ่ง ครม. มีมติเห็นชอบลดเงินสมทบลงเหลือร้อยละ 60 ของเงินสมทบเดิมเป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการจ่ายผลประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกันตน กลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และยังทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้นอีกด้วย
สำหรับ แรงงานนอกระบบตาม มาตรา 40 มีประมาณ 3.5 ล้านคน โดยกลุ่มแรงงานเหล่านี้ ล้วนเป็นแรงงานอิสระ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ครม. ได้นำเรื่องปัญหาหนี้สินของประชาชนเสนอต่อที่ประชุม ครม. ให้ได้รับทราบ ตนมองเห็นถึงปัญหาของประเทศของเรา ถ้าประชาชนของเรามีหนี้สินเป็นจำนวนมาก มีหนี้ตั้งแต่อายุน้อยมันจะมีผลต่อทั้งชีวิตของเขา ซึ่งเราก็พยายามแก้ไขมาโดยตลอด แก้ไขในเรื่องของหนี้นอกระบบที่ต้องเข้มงวดให้มากยิ่งขึ้น ให้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกประเด็น ทุกประการ
แต่ที่ร้อนใจมากที่สุดคือ หนี้ของ กยศ. จำนวน 3.6 ล้านคน ผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน หนี้ครู / ข้าราชการ 2.8 ล้านบัญชี หนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ 27.7 ล้านบัญชี หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 49.9 ล้านบัญชี ปัญหาหนี้สินอื่นๆ ของประชาชน 51.2 ล้านบัญชี โดยเราได้มีการกำหนดมาตรการออกมา ทั้ง มาตรการระยะสั้น ระยะต่อไป
มาตรการระยะสั้น จะทำให้เกิดขึ้นให้ได้ภายใน 6 เดือน ทั้งเรื่องการลดภาระดอกเบี้ยของประชาชนและสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อ PICO และ NANO สำหรับประชาชน ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ของครูและข้าราชการ รวมถึงสหกรณ์ ปรับรูปแบบการชำระหนี้ คุ้มครองความเป็นธรรมให้ประชาชนที่เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ และขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทบทวนเพดานอัตราดอกเบี้ยและการกำกับดูแลบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อจำนำทะเบียนอีกด้วย
ส่วนมาตรการระยะต่อไป คือ การเร่งส่งเสริมการแข่งขันให้อัตราดอกเบี้ยถูกลง การให้ความช่วยเหลือเด็กรุ่นใหม่ คนเกษียณที่มีภาระหนี้สิน โดยจะต้องออกมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายเรื่องที่อยู่อาศัย ค่าเดินทางระบบขนส่งมวลชนในราคาถูก การจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ เพิ่มการดูแลสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อรายย่อยเป็นการเฉพาะ การจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางธุรกิจและการเงินเพื่อชะลอการฟ้อง อำนวยความสะดวกให้การฟื้นฟูหนี้รายบุคคล ที่มีเจ้าหนี้หลายราย เป็นต้น
สำหรับ หนี้ครัวเรือนในปัจจุบันนั้นมีข้อมูลว่าก่อนปี 2557 มีอัตราเพิ่มขึ้นเดือนละ 88,000 ล้านบาท แต่จากปี 57 จนถึงปัจจุบัน มีการเพิ่มขึ้นเดือนละประมาณ 5 หมื่นล้านบาท