นายกฯ ชี้แจงบริหารจัดการโควิดตามขั้นตอน ปฏิเสธข้อกล่าวหา “ค้าความตาย”

นายกฯ ชี้แจงการบริหารจัดการโควิดเป็นไปตามขั้นตอนที่หน่วยงานเสนอมา  ท้าตรวจสอบไม่เคยสั่งซื้อชุดตรวจ ATK ที่ต้องผ่านการรับรองจาก WHO 

วันที่ 31 ส.ค. 2564 เวลา 18.44 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงข้อกล่าวหาการแก้ปัญหาโควิดไม่ดีไม่มีระบบ และรวบอำนาจคนเดียว ว่า การสั่งงานเป็นไปตามมติ ความเห็นชอบร่วมกัน ตามขั้นตอนแผนเผชิญเหตุ เทียบเคียงกับต่างประเทศ และควบคุมโรคไปตามขั้นตอนไม่เคยแอบเรียกใครไปสั่ง และไม่ใช่สั่งการแบบ “เผด็จการ” ติดนิสัย

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงชุดตรวจ ATK ว่า นอกจากรัฐบาลนำเข้ามา ชุดตรวจ ATK เป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ที่มีการนำเข้ามาอยู่แล้ว แต่รัฐบาลมีการจัดหา 8.5 ล้านชิ้น เพื่อตรวจให้ประชาชนรวดเร็วขึ้น ยืนยันในการประชุมศบค. ไม่เคยสั่งให้ซื้อ ATK ที่ผ่าน WHO เพราะในขณะนี้ไม่มี ชุดตรวจ ATK ที่WHO รับรอง ให้ใช้สำหรับประชาชน มีแต่เฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ใช้

เรื่องวัคซีน มี 9-10 ยี่ห้อ ในประเทศไทย ก็ผลิตได้่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะเป็นการรับจ้างผลิต ซึ่งขณะนี้ได้รับคำยืนยันแล้วว่า จะจัดหาครบ 61 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้ ย้ำวัคซีนขึ้นอยู่กับผู้ผลิตไม่ใช่ผู้บริโภคเพราะคนแย่งกันซื้อ พยายามจะฉีดให้ครบ 50 ล้านในเดือน ตุลาคม สิ้นปีจะมีวัคซีนประมาณ 140 ล้านโดส

ส่วนเรื่องเป็นสมาชิกโคแว็กซ์ ในตอนนี้ประเทศที่เป็นสมาชิกก็ยังไม่ได้วัคซีนตามที่ต้องการเลย แต่คิดว่าในระยะที่ 2 น่าจะดำเนินการได้ และเราไม่ได้ร้องขอบริจาคจากใคร แต่ประเทศต่างๆ เห็นเราเป็นมิตรประเทศจึงให้มา ตนไม่ใช่คนจะขอใคร ยังคิดว่าถ้ามีวัคซีนเพียงพอ ก็ต้องดูแลอาเซียนด้วย และไม่อยากด้อยค่าวัคซีนอะไร ถ้ารอวัคซีนดีๆ จะตายมากกว่านี้หรือไม่

ส่วนเรื่องการลงโทษสาเหตุที่ทำเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อมีแพร่ระบาด เราทราบว่ามาจากที่ไหน ทั้งแรงงาน สถานที่ท่องเที่ยว ก็ได้มีลงโทษก็มีอยู่ อะไรที่ทำผิดกฎหมายก็มีการลงโทษไป อย่างไรก็ตามจะบอกว่า ไม่พัฒนาเลยไม่ใช่ ยอมรับช่วงแรกอาจตกหล่น ไม่สามารถเข้าสู่โรงพยาบาลได้ เพราะเตียงเต็ม แต่ก็ได้มีการยกระดับโรงพยาบาลสนาม ขณะนี้วันนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นหลายสัปดาห์แล้ว และไม่ใช่การปกปิดตัวเลขอย่างที่พูดกัน เพราะต้องรายงานองค์กรระหว่างประเทศด้วย

“ไม่อยากพูดให้พูดให้หลายคนท้อแท้ เราก็ต้องพยายามทำให้ดีที่สุด ผมเสียใจ ที่มีการสูญเสีย มีการบาดเจ็บ ไม่มีใครอยากทำให้เกิดขึ้นหรอกครับ ผมไม่อาจค้าความตายได้หรอกครับ เพราะฉะนั้นอย่าใช้คำพูดที่มันเว่อร์ มันเกินไปเลย ใครเสียชีวิตก็ไม่มีความมีความสุขทั้งนั้นแหล่ะ ผมก็หัวอกของครอบครัว หัวอกของพ่อของแม่ มีพ่อมีแม่ มีปู่มีย่ามีตามียาย ใครเสียชีวิตผมก็เสียใจมากกว่าอยู่แล้ว ผมแบกรับชีวิตของท่านไว้ด้วย ผมไม่ทำอะไรที่ทำให้เกิดปัญหาหรอกครับ”

วันนี้เราจำเป็นต้องอยู่กับโควิดให้ได้ เพราะเราไม่รู้ต้องอยู่ถึงเมื่อไหร่ จึงมีมาตรการ วันที่ 1 ก.ย.นี้ ในเศรษฐกิจและสุขภาพเดินหน้าไปด้วยกันให้ได้ แซนด์บอกซ์ ที่ภูเก็ตก็ไม่ใช่ล้มเหลวเสียทีเดีย ส่วนเรื่องทุจริตให้เป็นไปตามกระบวนการแล้วกัน

นายกฯ ยังย้ำด้วยว่า ในการสั่งการแก้ปัญหาโควิด-19 ใช้ข้อมูลหลักการวิชาการและข้อมูลทางสถิติ มาประกอบการตัดสินใจเสมอ ไม่ใช่ตื่นมาแล้วก็สั่ง ถ้าเป็นอย่างนั้น “คนบ้าแล้ว” และไม่เคยสั่งลับ พร้อมปฏิเสธนำทหารมาขับเคลื่อนในศบค. ไม่เคยขัดข้องในการให้เอกชนนำเข้าวัคซีน