‘อนุทิน’ ระบุโยกย้าย ‘นพ.สุภัทร’ ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมือง เป็นอำนาจข้าราชการประจำ

‘อนุทิน’ ระบุโยกย้าย ‘นพ.สุภัทร’ เป็นเรื่องฝ่ายบริหาร ไม่เกี่ยวกับฝ่ายการเมือง ชี้ยิ่งได้คนเก่งไปพัฒนาพื้นที่ยิ่งเป็นผลดีกับประชาชน ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านออกแถลงการณ์ตั้งข้อสังเกตการโยกย้าย 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีโยกย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ว่า เรื่องนี้เป็นการบริหารจัดการของฝ่ายข้าราชการประจำ และไม่ขอก้าวก่ายการทำงานกัน เพราะเป็นอำนาจของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรัฐมนตรี ซึ่งตามหลักการ การผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนภารกิจหน้าที่ เป็นเรื่องปกติในระบบราชการ โดยหาก นพ.สุภัทร บอกว่าตัวเองมีผลงาน มีความเก่ง ก็ยิ่งดีใหญ่ จะได้ไปพัฒนาโรงพยาบาลที่ต้องการพัฒนา ยิ่งได้คนเก่งไป ยิ่งเป็นผลดีกับชาวบ้าน กับกระทรวงสาธารณสุข

“2 ปีที่แล้ว ที่ นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ย้ายจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ไปโรงพยาบาลร้อยเอ็ด มีประเด็นเกิดขึ้น มีการบอกว่าแย่แน่นอน แต่ทุกวันนี้กลายเป็นที่มีประสิทธิภาพ เรื่องนี้อยู่กับบุคคล คนเก่งไปอยู่ไหนก็ได้ เหมือนรัฐมนตรี อยู่ไหนก็ทำความเจริญได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกย้ายไปไหน ถ้าเรามีความมั่นใจว่า ตอนที่เราอยู่ เราทำความเจริญ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เราไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาทำอะไร หลังจากที่เราย้ายไปแล้ว เวลาที่ใครถูกย้ายแล้วโวยวาย ส่วนใหญ่ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ทำอะไรไว้หรือไม่” นายอนุทิน กล่าว 

ส่วนกรณีที่ นพ.สุภัทร ระบุว่าถูกกลั่นแกล้ง เพราะย้ายไปที่โรงพยาบาลที่ไกลออกไปอีก นายอนุทิน กล่าวว่า เจตนารมณ์ของประธานชมรมแพทย์ชนบทเป็นอย่างไร ต้องไปพัฒนาพื้นที่ให้มีความเจริญ ให้ประชาชนได้ประโยชน์มิใช่หรือ

ผู้นําฝ่ายค้านออกแถลงการณ์ตั้งข้อสังเกตการโยกย้ายเกี่ยวข้องการเมืองหรือไม่

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ออกแถลงการณ์​ระบุว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้มีคําสั่งที่ 125/2566 ลงวันที่ 25 มกราคม 2566 ให้ย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อํานวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา ไปเป็น ผู้อํานวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย นั้น เห็นว่า แม้การโยกย้ายดังกล่าวจะเป็นอํานาจหน้าที่ของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่จะทําได้ตามกฎหมายก็ตาม

แต่เนื่องจากการย้ายนายแพทย์สุภัทร ตามคําสั่งดังกล่าวไม่ได้ ให้เหตุผลถึงการโยกย้ายไว้ จึงมีข้อสังเกตว่า เหตุผลอันแท้จริงของการโยกย้ายครั้งนี้มาจากเรื่องใด เพราะนายแพทย์สุภัทร ก็ปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลจะนะมานาน มีความผูกพันกับชาวบ้าน และชุมชน และไม่ปรากฏว่า นายแพทย์สุภัทร ฯ ได้กระทําการใดที่เป็นการบกพร่องต่อหน้าที่ที่ ต้องมีการโยกย้าย

ข้อสังเกตอีกประการหนึ่ง นายแพทย์สุภัทร เป็นประธานชมรมแพทย์ชนบทที่ ได้ออกมาทักท้วง เสนอแนะ และไม่เห็นด้วยกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขหลายเรื่อง เช่น นโยบายกัญชาเสรี การบริหารจัดการโควิดและวัคซีน รวมถึงการจัดซื้อ ATK ดังนั้น เหตุผลการ โยกย้ายครั้งนี้ ก็ยังมีข้อน่าสงสัยว่าจะมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ประกอบกับเป็นการ โยกย้ายนอกฤดูกาล โดยหลักแล้วควรจะทําเฉพาะในกรณีที่มีเหตุผลความจําเป็นเท่านั้น

ในฐานะผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการ แผ่นดินของรัฐบาลจึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงถึงเหตุผลของการโยกย้าย นพ.สุภัทรในครั้งนี้ เพื่อให้สังคมคลายข้อสงสัยต่อไป