นายกฯ เผย เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ท่าอากาศยานนานาชาติเบตง ศึกษา-สร้าง-เสร็จ ในรัฐบาลตนเอง

พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเที่ยวบินพาณิชย์ปฐมฤกษ์ “ท่าอากาศยานนานาชาติเบตง” เผย ศึกษา-ก่อสร้าง ใน 2 รัฐบาลที่ตนเองเป็นนายกฯ ผลักดันเป็น ศูนย์กลางการบินของภูมิภาคในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ย้ำ รัฐบาลมีเสถียรภาพ ร่วมมือกับพรรคร่วมฯ เดินหน้าแก้ปัญหาประเทศที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกัน

วันที่ 14 มี.ค. 2565 เวลา 13.19 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กำกับดูแลกระทรวงคมนาคม และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม ร่วมกันวางมือสัมผัสปุ่มเป็นสัญญาณ “เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ท่าอากาศยานนานาชาติเบตง จังหวัดยะลา” อย่างเป็นทางการ

ก่อนพิธีเปิด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิตของตน ที่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือน อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งคุ้นเคยอยู่แล้วตั้งแต่สมัยเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานพิธีเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ รัฐบาลพยายามผลักดันส่งเสริมใน อ.เบตง เป็นเมืองต้นแบบด้านการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน

วันนี้เรามีท่าอากาศยานนานาชาติเบตง เป็นสนามบินแห่งใหม่ ลำดับที่ 29 ของประเทศไทย เพื่อรองรับการขนส่งและการเดินทางอย่างต่อเนื่องหลายรูปแบบ รวมทั้งจะช่วยส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ถือเป็นการสนับสนุนการขนส่งทางอากาศ และจะเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อจะอำนวยความสะดวกในการเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างเพียงพอ

“ผมมีความกังวลกับภาคใต้มานานพอสมควรแล้ว ว่าทำอย่างไรจะพัฒนาภาคใต้ให้ทัดเทียมกับภาคอื่นๆ จะเห็นได้ว่าสนามบินของเรา เราเริ่มให้มีการก่อสร้าง ศึกษาตั้งแต่ปี 2558 ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะสำเร็จในถึงวันนี้ เพราะอย่างนั้นทุกอย่างต้องใช้เวลา ต้องสร้างความเข้าใจ ต้องชี้แจงประเด็นต่างๆ ให้ถี่ถ้วน จนสามารถที่จะอนุมัติงบประมาณออกมาได้ ก็ต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงคมนาคม, กพท. (สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย), กระทรวงมหาดไทย และที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งรัฐบาล ซึ่งผ่านมา 2 รัฐบาล โดยมีผมเป็นนายกรัฐมนตรีนี่แหละ ก็ทำให้สำเร็จถึงวันนี้ได้ ผมก็คาดว่าในอนาคตเราจะทำหลายๆ อย่างเกิดขึ้นให้ได้มากกว่านี้อีกเพื่อในการพัฒนาภาคใต้ของเรา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือความร่วมมือ ความเข้าใจ ส่วนการบิดเบือนอะไรต่างๆ ซึ่งตนคิดว่าเวลาไม่ใช่ต้องมาทำให้ประเทศชาติแตกความรักความสามัคคี ยืนยันรัฐบาลยังคงมีเสถียรภาพ ขอยืนยันประกาศไว้ตรงนี้ วันนี้ตนมากับรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส. ซึ่งเป็นตัวแทนกลาง และข้าราชการระดับสูง ของทุกกระทรวงตนยืนยันว่ารัฐบาลมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนทุกคนในประเทศนี้ให้ได้ เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องใช้เวลา เราทำทั้งอดีตแก้ไข ทำปัจจุบันให้มันดีขึ้น และสร้างเพื่ออนาคตไว้ คือเศรษฐกิจใหม่ทั้งหมด เน้นการลงทุนจากต่างประเทศ ในประเทศ ในเรื่องอุตสาหกรรมใหม่ทั้งหมด เรื่องจะเพิ่มรายได้ จีพีดี (GDP) ให้สูงขึ้น ไม่เช่นนั้นเราจะเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งจะไม่สามารถดูแลประชาชนทุกคนได้เพียงพอ

“สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลวางนโยบายไว้ วางยุทธศาสตร์ของเราไว้ อาจจะต้องใช้เวลามาก แต่จะลดลงได้ก็ด้วยความเข้าใจของพวกเรา ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ให้เกิดความเกลียดชังซึ่งกันและกัน ซึ่งเหล่านี้ผมถือว่าทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปไม่ได้ ผมคิดว่าวันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะร่วมกันร่วมแรงร่วมใจร่วมรักสามัคคีกันให้ได้ โดยยิ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันว่าเราจะแก้ปัญหานี้ให้ผ่านพ้นไปได้อย่างไร แน่นอนรัฐบาลไม่มีความสุขหรอกครับ ผมเองก็คิดทั้งเช้า กลางวัน เย็น บ่าย ทุกวัน นะครับว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร แล้วก็หารือกับพรรคร่วมรัฐบาล รัฐบาล ครม. มาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง”

ช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำให้ทุกคนมีสติ เพื่อผ่านปัญหาต่างๆ ในช่วงนี้ไปให้ได้

“ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ด้วยหัวใจเรา หัวใจดวงเดียวกัน หัวใจแห่งความรักประเทศไทย รักชาติของเราเป็นอื่นไปไม่ได้เพราะแผ่นดินผืนนี้เกิดมาที่นี่ และแผ่นนี้เกิดให้เราอยู่ ให้เรากิน จนกระทั่งถึงเราตาย พื้นดินแห่งนี้เป็นพื้นดินแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เป็นพื้นที่ทีได้อยู่อาศัย ปู่ย่าตายาย พ่อแม่พี่น้อง กันมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง เราทรยศต่อพื้นดินนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด ผมก็ขอฝากไว้ สิ่งสำคัญก็คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะให้ประเทศไทยอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ เราจะต้องทบทวนว่าเราจะอยู่กันอย่างไรต่อไป ความขัดแย้งมากขึ้นเรื่อยๆ ในโลกใบนี้ เราจะต้องอยู่ให้ได้ เราจงใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไปให้ได้ ทุกคนต้องมีสติ มีสติ และใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งว่าเราจะต้องทำตัวอย่างไร ถึงจะผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไป รัฐบาลห่วงใย รัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหาทุกมิติให้ได้ เพราะฉะน้้นปัญหาเมื่อเวลามันมาพร้อมๆ กัน นั่นแหละครับ คือประเด็นปัญหาที่ทำให้ทำไม่ได้มากนัก ถ้ามันมาพร้อมกันนะ ที่ผ่านมามันมาคนละทีสองที วันนี้มาทีหลายทีเหมือนกันหลายเรื่อง แต่รัฐบาลก็ยืนยันว่า ครม. รัฐบาล พรรคร่วมฯ ข้าราชการทุกคนยืนยันว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ได้ที่สุด เพื่อตอบแทนแผ่นดินผืนนี้…”

ภาพจาก : ทำเนียบรัฐบาล