‘ธรรมนัส’ ลั่นสนิท ‘จักรทิพย์’ เหมือนคอหอยกับลูกกระเดือก ปัดขัดแย้งกรณีลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.

‘ร.อ.ธรรมนัส’ ยืนยันไม่ขัดแย้ง ‘พล.ต.อ.จักรทิพย์’ บอกรักกันมาก เหมือน “คอหอยลูกกระเดือก” เปรียบดังคนในครอบครัว ย้ำ นายกฯ กับพรรคไม่ได้แตกคอ

วันที่ 3 พ.ย. 2564 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงยุทธศาสตร์การเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร ว่า เป็นเรื่องของประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค และตนขอปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนรับผิดชอบดูพื้นที่ กทม. แต่ดูแลในภาพรวม ส่วนสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) จะส่งในนามพรรคหรืออิสระนั้น เป็นเรื่องของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค

ส่วน พปชร. จะส่งผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่หัวหน้าพรรคต้องตัดสินใจ เราอย่าไปวิเคราะห์ไปเรื่อยทั้งที่หัวหน้าพรรคยังไม่ได้พูดอะไร เมื่อถามว่า พปชร.จะส่ง ส.ก.ในนามพรรคหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่นโยบายหัวหน้าพรรค ตนอยากให้สื่อมวลชนฟังจากปากหัวหน้าพรรคมากกว่า จริงๆ แล้วไม่ใช่หน้าที่เลขาธิการพรรคที่จะต้องมาแถลงข่าวรายวัน

เมื่อถามว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่มีข่าวว่าถอนตัวจากการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “ผมกับพี่แป๊ะ เหมือนคอหอยกับลูกกระเดือก ผมคบกันมาตั้งแต่เด็กๆ จริงๆ แล้วถ้าคนรู้ว่าผมกับพี่แป๊ะรักกันขนาดไหน ผมเกิดมาทุกวันนี้เพราะพี่แป๊ะช่วยผม ถือว่ามีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ผมมาจนถึงทุกวันนี้”

เมื่อถามว่า ได้ต่อสายคุยกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คุยกับทุกวัน ส่วนเหตุผลการถอนตัวนั้น พล.อ.จักรทิพย์ คงมีเหตุผลของตัวเอง ยังงงว่าทำไมถึงไม่ลงสมัคร

เมื่อถามว่า มีข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส เปลี่ยนไปสนับสนุน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. แทน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “โถ่ พี่แป๊ะเหมือนคนในครอบครัวผม ดูแลผมมาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่จบโรงเรียนนายร้อยมาพี่แป๊ะก็ดูแลผมมาถึงวันนี้”

ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ทาบทาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ กลับมา ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ทุกเรื่องเราต้องเคารพในการตัดสินใจของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ และเคารพการตัดสินใจของ พล.อ.ประวิตร

เมื่อถามว่า มีการพูดถึงศึกในสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันหรือไม่ว่าจะไม่มีเหตุการณ์ซ้ำรอย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ในที่ประชุม ส.ส.พรรค พล.อ.ประวิตรได้ให้แนวทางไปคุยกัน เราจะต้องมีมาตรการต่างๆ เพื่อไม่ให้สภามีปัญหา เป็นนโยบายของหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว ตนมีความเชื่อว่าถ้าหัวหน้าพรรคสนับสนุน ลูกพรรคทุกคนต่างฟังหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว และไม่ใช่มาตรการ เป็นเรื่องของความร่วมมือของสมาชิกพรรคที่จะต้องไปในทิศทางเดียวกัน

ส่วนกรณีการโหวตร่างกฎหมาย ยืนยันหรือไม่ว่ากฎหมายสำคัญ ส.ส.ของพรรคจะโหวตผ่านให้ทั้งหมด ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ถ้าหัวหน้าพรรคสั่งการแล้ว ใครจะแหวกมติคงเป็นเรื่องที่เขาจะต้องวางมาตรการกัน ต่อข้อถามว่า หมายถึงใครจะแหกมติหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “มันไม่มีหรอกครับ อย่างที่บอกทุกอย่างมันจบที่ท่านหัวหน้าพรรค” เมื่อถามว่า เป็นแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม วางใจได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคสั่งการและกำชับ ดังนั้น เรื่องที่จะมีสมาชิกของพรรคโหวตไม่เป็นไปตามของพรรคจึงไม่น่าจะเป็นไปได้ และหัวหน้าพรรคคงไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง ร.อ.ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น ได้กล่าวย้ำกับสื่อมวลชนว่า “ชัดเจนนะครับ อย่าแปลเป็นอย่างอื่นนะ” ทำให้ผู้สื่อข่าวถามกลับไปว่า จนถึงวันนี้ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีแล้วหรือยัง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “ผมว่าเรื่องพวกนี้ก้าวข้ามไปเลยว่าพรรคเราไม่ได้แตก รัฐบาลกับ พปชร.ยังอยู่ด้วยกัน”

ภายหลังการประชุมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกหลายคนได้เดินทางกลับไปหมดแล้ว เช่นเดียวกับขบวนรถของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ที่ได้ออกจากพรรคตั้งแต่เวลา 16.00 น. แต่หลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏว่า ขบวนรถของ พล.อ.ประวิตร ได้กลับเข้ามาในพรรคอีกครั้ง พร้อมเรียกแกนนำ และ ส.ส.บางคน เข้าหารือ โดยส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ในกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และ เลขาธิการพรรค และ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค อาทิ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิพรรค , นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และรองเลขาธิการพรรค , นายสุชาติ อุตสาหะ ส.ส.เพชรบุรี , นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส , นายบุญสิงห์ วรินทรรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรค , นายจิรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา , นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ , นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง โดยใช้เวลาในการหารือกว่า 1 ชั่วโมง

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับประเด็นที่ได้มีการหารือครั้งนี้ ได้พูดถึงการถอนตัวไม่ลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ของพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา โดยมีการยืนยันกับพลเอกประวิตรว่า ไม่ได้มีการบีบหรือกดดัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ แต่ได้มีการเสนอว่าสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ควรจะต้องส่งในนาม พปชร. เพราะ ส.ก.กับ ส.ส. ต้องเป็นเนื้อเดียวกัน ถือว่ามีบทบาทสำคัญในสนามเลือกตั้ง ส.ส.ด้วย เหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มี ส.ก.ของพรรคเช่นเดียวกัน และถึงเวลาที่คัดสรรบุคคลลงแต่ละพื้นที่ได้แล้ว ส่วนผู้สมัคร ส.ก. 50 คนในทีมของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ หลังจากที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ถอนตัวแล้ว สามารถกลับมาร่วมงานกับ พปชร.ได้ อย่างไรก็ตามการส่ง ส.ก.ในนาม พปชร. ยังติดขัดข้อกฎหมายที่ห้ามมิให้ข้าราชการการเมือง หรือ ส.ส.ใช้ตำแหน่งหน้าที่ให้คุณให้โทษกับผู้สมัครหรือเลือกตั้งท้องถิ่น

ส่วนกรณี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีการยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่าจะไม่ลงสมัครในนาม พปชร. และมีการเตรียมทีม ส.ก.ในนามของรักษ์กรุงเทพฯของตัวเองไว้ทั้ง 50 เขตแล้ว โดยในที่ประชุมมีแกนนำคนหนึ่งเสนอว่า หลังจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ถอนตัว พปชร.ไม่จำเป็นต้องสนับสนุน พล.ต.อ.อัศวิน ลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพราะมีทีมอยู่แล้ว พร้อมกับมีการเสนอว่า ให้พรรคตัดสินใจส่งผู้สมัครลงในนามพรรค เพราะ กทม.คือพื้นที่เมืองหลวง เป็นหัวใจของประเทศ และทุกพรรคก็ตัดสินใจส่งผู้สมัครด้วยเช่นกัน เพียงแต่ผู้ที่เหมาะสม จะต้องมีชื่อเสียงสูสีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ที่ลงสมัครในนามอิสระ โดยมีการพูดชื่อมาอย่างน้อย 3 คน คือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ , นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ที่ก่อนหน้านี้มีหน้าที่เข้าพบพลเอกประวิตรที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ซึ่งก่อนหน้านี้มีชื่อแคนดิเดตผู้สมัครของ ปชป.ด้วย

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในการหารือครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้แต่นั่งฟัง โดยไม่ได้มีการแสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด