‘บรรยง’ 1 ในผู้บริจาคเงินหนุนพรรคกล้า โพสต์ถามหลังเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ จบที่อันดับ 3

‘บรรยง’ 1 ในผู้บริจาคเงินหนุนพรรคกล้า โพสต์ถามหลังเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ จบที่อันดับ 3 ขณะที่ ‘กรณ์’ เข้าไปคอมเมนต์ยืนยันพรรคได้ประโยชน์พอสมควร

วันที่ 1 ก.พ. 2565 บรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้บริจาค สนับสนุนพรรคกล้า โดยบริจาคเงินในเดือนมกราคม 2564 จำนวน 1,000,000 บาท ได้โพสต์ข้อความ ในวันที่ 31 ม.ค. 2565 ผ่านเฟซบุ๊ก Banyong Pongpanich ภายหลังจบการเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ ว่า

“กล้าจริงไหมครับ?….. เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพรรค “กล้า” แสดงความกล้าหาญ โดยการทุ่มเทอนาคตพรรคทั้งหมด ลงไปในการเลือกตั้งซ่อมเขตเดียวเบอร์เดียว น่าเสียดายที่ความกล้าครั้งนี้ไม่สัมฤทธิ์ผลใดๆ เลย หวังแบ่งคะแนนสลิ่มมา แต่ต่อให้คะแนนรวมกันสองพรรค ยังสู้ผู้ชนะไม่ได้เลย …อ่านอะไรพลาดไหมครับ ประโยชน์เดียวที่ได้ คือได้ออกทีวีทุกช่อง แต่ไม่แน่ใจว่า เป็นpositive หรือ negative publicity นะครับ ปล. ขอโทษนะครับ ถ้าผมเข้าใจอะไรผิด ผมอ่อนหัดทางการเมืองครับ”

(กรณ์ จาติกวณิช กับ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี 30 ม.ค. 2565)

ขณะที่ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ได้เข้าไปชี้แจงในโพสต์ดังกล่าวของนายบรรยง ว่า “สวัสดีครับพี่เตา หากมองว่าต้องชนะเท่านั้นถึงจะได้ประโยชน์ ก็คงหมายความว่าพรรคอื่นๆ ทุกพรรคเว้นเพื่อไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเว้นได้ออกทีวีอย่างที่พี่ว่า ในระดับหนึ่งมองอย่างนั้นก็ได้ แต่พรรคกล้าเราส่งคุณอรรถวิชช์ลงเพราะเรามองว่า คุณอรรถวิชช์จะเป็น ส.ส. ที่ดีได้ให้กับคนกรุงเทพ โดยเฉพาะวันนี้วาระสภาเหลืออยู่นิดเดียว ไม่มีเวลามาเรียนรู้งาน

เราไม่ยึดติดมากมายกับสถานะหรือตำแหน่งเลขาธิการพรรค เพราะเราเป็นพรรคเริ่มใหม่ต้องกล้าเสี่ยง กล้าเสนอคนที่ดีที่สุดของเรา ไม่อย่างนั้นกล้าๆกลัวๆส่งคนที่ไม่ใช่ เพื่อเล่นเซฟผมว่าไม่ใช่แนวทางของเรา เราเล่นแบบพรรคใหญ่ไม่ได้ครับ และพอเป็นคุณอรรถวิชช์เรามีโอกาสเสนอความคิดของพรรคได้มาก คนรู้จักพรรคมากขึ้น และเราชนะพรรครัฐบาลคือพลังประชารัฐอย่างถล่มทลาย แม้พรรคก้าวไกลที่มี ส.ส. อยู่แล้ว ฯลฯ ก็สูสีกับเรา ในมุมของพรรค เราได้ประโยชน์พอสมควรครับ

ส่วนในมุมประชาชน หากเราไม่ลงเขาจะไม่มีตัวเลือกนอกจากเลือกฝ่ายค้านหรือเลือกพรรครัฐบาล การที่มีพรรคกล้า แสดงให้เห็นว่ามีประชาชนไม่น้อยที่ไม่ต้องการพรรครัฐบาล และก็ไม่สนับสนุนพรรคฝ่ายค้าน แต่ต้องการทางเลือกอื่นที่เขามองว่าดีกว่า สรุปคืออย่างน้อยเราเป็นตัวเลือกให้กับคนกลุ่มนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่พอที่จะชนะก็ตาม
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราถูกฝั่งขวาโจมตีตั้งแต่ระฆังยกแรก และก็ถูกฝั่งซ้ายแซะตลอดทาง แต่เราก็ยืนในจุดของเรา ยึดหลักปฏิบัตินิยม อะไรดีพร้อมสนับสนุน อะไรไม่ดีพร้อมต่อต้าน เสนอทางออกให้กับประเทศตามความคิดของเรา และเราก็ได้คะแนนมาจำนวนหนึ่ง (ชนะในจตุจักรด้วย แต่เสียดายคนออกมาใช้สิทธิน้อยกว่าหลักสี่เกือบครึ่ง) ยาวไปหน่อยครับ แต่ผมรู้ว่าพี่เป็นคนพร้อมอ่าน”