SHARE

คัดลอกแล้ว

ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย ชี้โค้งร้อยศพ ถ.รัชดาฯ แก้ทางกายภาพได้ยาก เพราะเป็นย่านกลางใจเมือง ควรบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อลดอุบัติเหตุ

วันนี้ (10 มิ.ย.2565) ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นกรณีอุบัติเหตุรถเสียหลักบนโค้ง ถ.รัชดาภิเษก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า ทางโค้งบนถนนรัชดาฯ หรือที่มักเรียกกันว่าเป็นโค้งร้อยศพที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยมากที่สุดในกรุงเทพฯ เป็นปัญหาอุบัติเหตุที่รุนแรงมายาวนานนับสิบๆ ปี แต่ยังคงแก้ไขปัญหาไม่ได้ สาเหตุหลักมาจากข้อจำกัดของลักษณะทางกายภาพของทางโค้งที่ต่อเนื่องกันหลายโค้ง ทำให้ผู้ขับขี่ต้องพยายามควบคุมพวงมาลัยและใช้ความเร็วให้สัมพันธ์กับการเข้าโค้งตลอดระยะทางที่วิ่งผ่านช่วงโค้งต่อเนื่องนี้

ถ้าจะแก้ที่ลักษณะทางกายภาพของถนนหรือการแก้ไขแนวโค้งนั้น คงทำได้ยากในปัจจุบัน เพราะพื้นที่แนวถนนรัชดาช่วงนี้ เป็นย่านใจกลางเมือง มีสิ่งปลูกสร้างอยู่สองข้างทางเต็มพื้นที่ สิ่งที่จะทำได้ และทางกทม.ก็ได้ทำมาโดยตลอด คือการแก้ไขจุดอันตรายนี้ด้วยมาตรการด้านวิศวกรรม

ครั้งที่เกิดอุบัติเหตุใหญ่เมื่อปลายปี 63 ซึ่งแทบจะเป็นจุดเดิมกับที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา กทม. ได้ตีเส้นประ Optical Speed Bar ในช่องทางวิ่งตลอดแนวโค้ง ติดป้ายไฟเตือนให้ลดความเร็ว และ ติดการ์ดเรลเพื่อลดความรุนแรงของการชน (แต่จุดที่เกิดเหตุนี้กลับไม่มีการ์ดเรล) รวมถึงเคยพยายามเพิ่มความฝืดและเพิ่มความสามารถในการระบายน้ำของผิวถนน ด้วยการปูผิวทางแอสฟัลต์คอนกรีตชนิดผิวทางพอรัสแอสฟัลต์ แต่ดูเหมือนว่าความพยายามดังกล่าว ยังไม่สามารถขจัดปัญหาอุบัติเหตุรถแหกโค้งรัชดาให้หมดไปได้

ดังนั้น หากใช้มาตรการด้านวิศวกรรมในการแก้ไขปัญหาทางกายภาพอย่างเต็มที่แล้ว ก็ยังแก้ไม่ได้ คงต้องหันกลับมามองเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เช่น การใช้กล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติและปรับจริงๆ รวมถึงการกำหนดความเร็วจำกัดในเขตเมืองอย่างบนถนนรัชดาฯ เพราะที่ผ่านมา บนถนนที่รับผิดชอบโดยกทม. ยังมีการใช้กล้องตรวจจับความเร็วในเขตเมืองอยู่น้อยมาก ส่วนใหญ่จะไปอยู่บนทางด่วน มอเตอร์เวย์ และทางหลวงนอกเมืองซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะบังคับใช้กฎหมายด้วยการติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็ว คงทำไม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้ายังมีปัญหาดังนี้

1. ใช้กล้องตรวจจับความเร็ว ส่งใบสั่งไปที่บ้าน ไม่จ่าย ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ต่อทะเบียนได้ ขับรถได้ตามปกติ ปัญหานี้ต้องแก้อย่างเร่งด่วน ถ้าออกกฎหมายไป จับแล้ว แต่ไม่สามารถปรับหรือลงโทษได้จริง ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ความเร็วได้

2. กล้องตรวจจับความเร็ว หรือเทคโนโลยีที่นำมาใช้ มักจะมีแค่งบประมาณในการติดตั้งตอนแรกเท่านั้น วันหนึ่งถ้ากล้องเสีย ใช้งานไม่ได้ก็จบกัน อย่างที่เราเคยเห็นตัวอย่างกล้องตรวจจับรถฝ่าไฟแดง ที่มีช่วงหนึ่งฮิตจับอยู่พักหนึ่ง พอกล้องเสียก็เลิกจับไป เพราะไม่มีงบประมาณในการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ปัญหานี้ถึงเวลาแล้วที่ กทม. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรร่วมกันมองหาโมเดลใหม่ๆ และแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคในเรื่องของการลงทุนและบริหารจัดการเทคโนโลยีที่นำมาใช้เพื่อความปลอดภัย ว่าจะทำอย่างไรให้สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน เช่น การจ้างติดตั้งระบบพร้อมบำรุงรักษาระยะยาวหรือการใช้รูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุน โดยนำรายได้จากค่าปรับจราจรมาใช้ประโยชน์ในการลงทุนและดูแลบำรุงรักษา

ทั้งนี้ทั้งนั้น การแก้ไขปัญหาในข้อที่สองนี้ก็เกี่ยวพันกับข้อหนึ่ง เพราะถ้าจับแล้วไม่มีคนมาจ่ายค่าปรับ แล้วจะเอาค่าปรับมาจากไหนมาดูแลบำรุงรักษาระบบ

ถ้าการบังคับใช้กฎหมายเรื่องความเร็วทำได้อย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ ผู้เขียนเชื่อว่าจะสามารถปรับพฤติกรรมการใช้ความเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองอย่างกทม.ได้ ซึ่งไม่ใช่แค่โค้งรัชดาฯ แต่ถนนเส้นอื่นที่ทำความเร็วได้ในเขตกทม. น่าจะมีความปลอดภัยมากขึ้นเช่นกัน อย่างน้อยเราก็จะไม่เห็นเคสอุบัติที่รุนแรงจนถึงแก่ชีวิตเป็นจำนวนมากแบบเคสนี้

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า