ฝ่ายค้านเดินสายเวทีพบ ปชช. สะท้อนปัญหารัฐบาลบริหารงาน ขออภิปรายฯ เร็วที่สุดหลังเปิดสภา

ฝ่ายค้านเดินหน้าเปิดเวทีพบประชาชน สะท้อนปัญหารัฐบาล พบประชาชนเดือดร้อน ขอเลือกตั้งคราวหน้าให้พรรคร่วมฝ่ายค้ามาเป็นรัฐบาล ขณะที่ หน.พรรคเพื่อไทย โต้กลับบทบาท ‘แพทองธาร’ ไม่ซ้อนทับชี้แยกกันชัด พร้อมเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วที่สุดหลังเปิดสมัยประชุม

วันที่ 27 มี.ค. 2565 พรรคฝ่ายค้านจัดโครงการฝ่ายค้านพบประชาชน ครั้งที่ 2 ทวงคืนอำนาจประชาชน ภายใต้หัวข้อ “บริหารล้มเหลวซ้ำซาก ประชาชนจน ประเทศเจ๊ง” ที่ จ.น่าน โดยมีแกนนำ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมเสวนา อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล พล.ต.ท.วิศณุ ม่วงแพรสี นายทะเบียนพรรคเสรีรวมไทย นายสุพจน์ อาวาส โฆษกพรรคประชาชาติ พล.ต.สุวิทย์ วังยาว รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนมาโดยตลอด บริหารผิดแล้วผิดอีกและผิดซ้ำซาก ในภาวะปกติก็ทำให้เศรษฐกิจพัง พอโควิด-19 ระบาดก็เหมือนโดนน็อคทันที ล็อกดาวน์จนประเทศพัง เยียวยาก็ไม่ทั่วถึง ทำให้พี่น้องประชาชนต้องทุกข์ทนกับการบริหารราชการของรัฐบาลชุดนี้มานาน วันนี้จึงหมดเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ประชาชนคนไทยทุกจังหวัดรู้ดีว่า 8 ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บริหารประเทศมา ประชาชนลำบาก ทุกข์ยาก คนจนทั้งแผ่นดิน มีเพียงเจ้าสัวมีความสุข เกิดความเหลื่อมล้ำขึ้นในสังคม ถ้ารัฐบาลบริหารดีประชาชนจะไม่ลำบากแบบนี้ มีคนโทรมาร้องทุกข์กับ ส.ส.ทุกวัน

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ได้เห็นข้อมูลว่า จ.น่าน มีตัวเลขการท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมากกว่าช่วงก่อนที่จะมีโควิด-19 ด้วยซ้ำ ราคายาง ราคาข้าวโพด เริ่มปรับสูงขึ้น แต่ในความโชคดี ยังมีความโชคร้าย เพราะค่าปุ๋ย ค่ายา ของเกษตรกรเพิ่มขึ้นด้วย ในส่วนของความโชคดีไม่เกี่ยวกับฝีมือรัฐบาลเพราะเป็นโชคล้วนๆ แต่เมื่อประชาชนประสบกับความโชคร้ายก็ต้องมาพิสูจน์ฝีมือของรัฐบาล

นายสุพจน์ กล่าวว่า การบริหารราชการแผ่นดินด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลล้มเหลว เห็นได้จากรายได้มวลรวมประชาชาติ ที่ขยายตัวเพียง 1.5% ต่ำที่สุดในอาเซียน ตั้งแต่รัฐบาลอยู่มา 8-9 ปี บอกจะพัฒนาการส่งออกเพิ่มรายได้ประเทศ แต่กระบวนการทุกอย่างล่าช้า

พท.เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วที่สุดหลังเปิดสมัยประชุม

นอกจากนี้ นพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ขณะนี้ฝ่ายค้านอยู่ในขั้นเตรียมการเนื้อหาสาระ โดยจะยื่นให้เร็วที่สุดหลังเปิดสมัยประชุมสภา เพราะเกรงว่าจะเกิดวิกฤตทางการเมือง แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะยุบสภาฯ จนทำให้ประเทศเกิดเดดล็อก เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) หากยุบสภาฯทุกอย่างจะหยุดชะงัก ปัญหาที่ตามมาคือจะต้องเกิดการตีความว่าจะใช้กฎหมายอะไรในการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลรักษาการต่อไปได้ เราประเมินสถานการณ์อยู่ตลอด แต่บอกไม่ได้ว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งการยื่นญัตติอภิปรายจะเป็นการห้ามไม่ให้ยุบสภาฯ

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สิ่งที่ประเมินอีกประเด็น คือ วาระการดำรงตำแหน่งนายกฯในช่วงเดือนส.ค. ถ้าเขาเลือกยุบสภาก็จะอยู่ในอำนาจได้ ส่วนที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บอกหลังการประชุมเอเปกจะยุบสภา เพราะอยากจะอยู่ให้นานที่สุด ถ้าเลือกยุบสภาฯหลังเอเปก เขาจะได้ประโยชน์พอสมควร เราจึงอยากผลักดันให้ร่างกฎหมายลูกแล้วเสร็จเพื่อจะได้ปลดล็อก เร็วที่สุดน่าจะประกาศใช้ช่วงเดือน ก.ค.นี้

ส่วนประเด็นบัตรเลือกตั้งมี 2 กรณีที่ถกเถียงกันว่าจะมีบัตร 2 ใบ และหมายเลขเดียวกันหรือไม่ เห็นว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่แก้ไขมีความชัดเจน ว่าให้มีบัตร 2 ใบ ดังนั้น กฎหมายลูกที่ออกมาจะต้องเป็นบัตร 2 ใบ กลับไปใบเดียวไม่ได้ ส่วนการคิดคะแนนให้เป็นสัดส่วนสัมพันธ์โดยตรงจากบัญชีรายชื่อทั้งประเทศ คือ หาร 100 อีกกรณีคือหมายเลขเดียวกันหรือไม่ วันที่ 30 มี.ค.นี้ กมธ.จะมีการโหวตกัน พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุน ส่วนพรรคภูมิใจไทยกับพรรคพลังประชารัฐ ค่อนข้างจะไม่เห็นด้วย เพราะอยากให้หมายเลขแยกกัน ขณะที่ ส.ว.แสดงความเห็นเรื่องนี้ค่อนข้างน้อย

เมื่อถามว่า หากพรรค พปชร. มีท่าที ชัดเจนว่าต้องการบัตรคนละเบอร์จะทำให้ ส.ว. มีความเห็นไปทางนั้นหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส.ว.อาจโน้มเอียงไปทางพรรคแกนนำรัฐบาล แต่เรื่องระบบเลือกตั้งอาจมีความแปลกแยกในความคิดของส.ว.ก็ได้ ถ้าไม่อคติ และคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะแลนด์ไสด์ ส.ว.น่าจะมีความเห็นกึ่งๆ ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ก็ภาวนาให้ส.ว.เห็นความสำคัญว่าควรจะเป็นอย่างไรที่จะเกิด ประโยชน์กับประเทศชาติ และประชาชนที่สุด

เมื่อถามถึงกรณีที่นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เหมือนเป็นการส่งบุตรสาวมาตายทางการเมือง และทำให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยรัศมีดับ ว่า ต้องขอบคุณนายวันชัย ที่ได้แสดงความเห็นในมุมของท่าน ส่วนความจริงจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ อยากให้ประชาชนติดตามว่าเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่ ส่วนตนจะถูกดับรัศมีหรือไม่ ด้วยระบบพรรคเพื่อไทย ที่เปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการพรรค มีการรีแบรนด์ ปรับปรุงโครงสร้างตัวเอง เพื่อเป็นสถาบันทางการเมือง เราส่งเสริมบุคคลเข้ามาทำหน้าที่ในแต่ละส่วนชัดเจน หัวหน้าพรรคคือหัวหน้าพรรค หัวหน้าครอบครัวคือหัวหน้าครอบครัว เราแยกบทบาท ไม่เกี่ยวเนื่องกัน แต่การทำงานสอดประสานกัน

“ขอถามกลับนายวันชัยถ้า น.ส.แพทองธาร ในฐานะหนึ่งเป็นประธานคณะที่ปรึกษาฯ ทำบทบาทนั้นให้โดดเด่น ถ้าครอบครัวเพื่อไทยได้รับการตอบรับทั้งแผ่นดิน 10 – 12 ล้านเสียง อะไรจะเกิดขึ้นนั่นคือการยอมรับ และแรงผลักเรานั้นก็มาสนับสนุน แทนที่จะทำให้อนาคตทางการเมืองของน.ส.แพทองธาร ดับเหมือนที่นายวันชัยพูด เชื่อว่านี่จะเป็นแรงสนับสนุนของพี่น้องประชาชนที่จะส่งเสริมให้น.ส.แพทองธาร มีบทบาทที่ชัดเจนทางการเมือง ซึ่งวิธีคิดของแต่ละพรรคแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่เราจะพิสูจน์ที่ผลงานที่พี่น้องประชาชนตอบรับน่าจะดีกว่า” นายชลน่าน กล่าว