วิป 3 ฝ่ายเคาะประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณากม.ลูกเลือกตั้ง 10 ส.ค.นี้ ‘ชินวรณ์’ ยอมรับอาจล่มอีกได้

‘ชินวรณ์’ รับสภาฯ อาจล่มอีกได้ถือเป็นเรื่องกลไกปกติ  เผยวิป 3 ฝ่าย เคาะประชุมร่วมรัฐสภา10 ส.ค.นี้ พิจารณาต่อ ร่าง พ.ร.บ.ดำเนินงานฯ ยุติธรรม และร่าง กม.ลูกเลือกตั้ง ส.ส. ด้าน ‘นิโรธ’ ปัด พปชร.ไม่ได้จับมือ พท.หายไป แจงต้องวิ่งรอกประชุม กมธ.งบประมาณปี 66

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงผลการหารือคณะกรรมการประสานงาน 3 ฝ่าย (วิป3ฝ่าย) คือ วุฒิสภา ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ว่า 1.ที่ประชุมมีมติให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 10 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น. เพื่อพิจารณาระเบียบวาระที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วต่อไป เชื่อว่าจะพิจารณาถึงร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.  พ.ศ. …. เพราะพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ… เหลืออีกเพียง 4 มาตราเท่านั้น  2.กำหนดให้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 11ส.ค. เวลา 09.30 น. และ3.เนื่องจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จะเสนอรายงานในวันที่ 9ส.ค.นี้ จึงเห็นสมควรให้มีการพิจารณารายงานของกมธ.งบประมาณปี2566  วาระ2 และ 3 ในวันที่ 17-19 ส.ค.นี้

นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่เป็นที่น่าสนใจ คือการพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในวาระที่ 2 – 3 เมื่อที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาได้มีมติเห็นชอบกับกรรมาธิการเสียงข้างน้อย คือสูตรการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 500 แล้วกมธ.จึงได้นำไปปรับปรุงแก้ไขในส่วนมาตราที่เกี่ยวเนื่อง และได้ส่งรายงานมายังประธานรัฐสภาซึ่งประธานรัฐสภาได้บรรจุลงในระเบียบวาระ ตนคาดว่ากระบวนการจะเป็นไปตามข้อบังคับและกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีทางออกอยู่ 3 ทาง คือ 1.หากที่ประชุมรัฐสภาให้ความเห็นชอบในวาระ 2 และ 3 จะต้องดำเนินการตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา132(2) คือส่งไปให้องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องคือ กกต. ได้ให้ความเห็นว่าขัดหรือแย้งกับกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือมีข้อเสนอแนะในการที่จะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ 2.หากว่าที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาไม่ให้ความเห็นชอบก็ถือว่าร่างกฎหมายลูกฉบับนี้ตกไป ถ้าจะมีการหยิบยกขึ้นมาใหม่จะต้องเริ่มต้นกระบวนการพิจารณาใหม่ และ 3.หากที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา132 (1) คือต้องนำร่างที่เสนอในวาระที่ 1 คือ สูตรคำนวณส.ส.หาร 100 เข้ามา เพื่อที่จะให้สภาให้ความเห็นชอบส่งไปยังนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 81 และ มาตรา 148 ตามลำดับต่อไป

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยออกมายอมรับว่าจะใช้กลไกดึงเวลาให้เกิน 180 วัน ในส่วน พรรคประชาธิปัตย์ มีแนวทางนี้หรือไม่ นายชินวรณ์ กล่าวว่า เรื่องการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีความเห็นที่แตกต่างกัน ทั้งเห็นด้วยกับหาร 100 และหาร 500 ซึ่งฝ่ายที่เห็นด้วยกับหาร 100 เห็นว่าควรให้เป็นไปตามมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญที่แก้ไขใหม่ ส่วนเสียงข้างน้อยในกมธ.ที่เห็นว่าควรหาร 500 เมื่อนำมาเข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ที่ประชุมก็เห็นด้วยกับเสียงข้างน้อยไปด้วย 

“ขณะที่อีกส่วนเห็นว่าการที่จะไม่ให้เป็นไปตามกระบวนการพิจารณากฎหมาย อาจจะมีปัญหาในเชิงปฏิบัติได้ จึงมีทางเดียวคือถ้าทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวพิจารณาไม่ทัน 180 วัน จะถือว่าต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ คือการนำร่างที่ ครม.เสนอเข้ามา คือ หาร 100 ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มีจุดยืนให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการ เนื่องจากเราเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ถ้ารัฐสภามีความเป็นอย่างไรก็ต้องดำเนินการไปตามรัฐธรรมนูญ” นายชินวรณ์ กล่าว

เมื่อถามว่า มีความพยายามที่จะทำให้รัฐสภาล่มอีกหรือไม่ นายชินวรณ์ กล่าวว่า ถ้าเขามีทิศทางให้เสร็จไม่ทัน 180 วัน รัฐสภาก็อาจจะล่มอีกได้ถือเป็นเรื่องปกติ และเป็นกลไกที่สามารถทำได้ จึงอยากทำความเข้าใจว่าเวลาพิจารณากฎหมาย อยากให้เป็นไปตามข้อบังคับ และรัฐธรรมนูญ

“ไม่อยากให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐสภามุ่งเน้นแต่เรื่องหาร 100 หรือหาร 500 ทั้งที่ประชาชนมีปัญหาเรื่องปากท้อง ผมยืนยันในฐานะ ส.ส.เขตคนหนึ่ง ให้ความสำคัญกับปากท้องของประชาชนเป็นหลัก แต่เรื่องรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่อง 1 ใน 100 ที่รัฐสภาต้องแก้ไขให้เกิดดุลยภาพ” นายชิณวรณ์ กล่าว

‘นิโรธ‘ ปัด ‘พลังประชารัฐ’ จับมือ ‘เพื่อไทย’ เล่นเกมยื้อกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. แจง ส.ส.ติดประชุม กมธ.งบประมาณ วิ่งไปวิ่งมาระหว่างสองห้องประชุมเช้าจนเย็น

ด้านนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่มีการมองว่าปัญหาองค์ประชุมไม่ครบในการประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นเพราะมีพรรคใหญ่ต้องการยื้อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้พิจารณาไม่ทันภายใน 180 วัน ว่า เมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) มีการประชุมร่วมรัฐสภาและคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 พร้อมกันตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงเย็น ทำให้ส.ส.ที่เป็นกรรมาธิการต้องวิ่งเข้าวิ่งออกสองห้องประชุม เพราะห้องประชุมกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ก็ต้องใช้เสียงองค์ประชุมในการลงมติเช่นกัน เนื่องจากเป็นการพิจารณาเรื่องที่หน่วยงานยื่นเรื่องอุทธรณ์งบฯเข้ามา ทำให้ส.ส.แยกร่างกันไม่ได้ และไปชนกันในช่วงเวลา 16.00-17.00 น. ตนอยู่ในห้องประชุมร่วมรัฐสภาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเรื่องงบประมาณแผ่นดินก็สำคัญเหมือนกัน

เมื่อถามว่า นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ระบุว่าเป็นเพราะพรรคใหญ่มีการเล่นเกมใต้โต๊ะ ชกใต้เข็มขัด นายนิโรธ กล่าวว่า จากการประชุมวิป 3 ฝ่ายเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา เราก็อยากให้มีการเลื่อนพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. แต่ทางพรรคเพื่อไทยไม่ยอมขอให้มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. .. ที่มีการพิจารณาได้เพียงมาตราเดียวองค์ประชุมก็ไม่ครบ ทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวค้างการพิจารณาและต้องพิจารณาให้เสร็จ อีกทั้งนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา อยากให้ทุกอย่างเดินตามระเบียบวาระการประชุม เราก็เดินตามนั้นไม่คัดค้าน  เมื่อร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ..พิจารณาจบ ก็มีการร่างพ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. ….ต่อ มีการพิจารณาแบบยืดเยื้อยาวนานจนถึงเวลา 16.00 น. เป็นช่วงไฮไลท์ของกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่ลงมาห้องประชุมใหญ่ไม่ได้  ส่วนตัวตนก็อยู่ในห้องประชุมใหญ่

เมื่อถามว่า เรื่องนี้ทำให้ถูกมองว่าพรรคพลังประชารัฐจับมือกับพรรคเพื่อไทยเพื่อให้องค์ประชุมไม่ครบใช่หรือไม่ นายนิโรธ กล่าวว่า เขาเป็นฝ่ายค้าน เราเป็นฝ่ายรัฐบาล และเป็นคนละเรื่องกัน ที่ผ่านมาเราอยากให้เลื่อนร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาพิจารณาก่อน แต่ก็ถูกสกัดตลอด และในการประชุมวิป 3 ฝ่ายเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา นายชวนดำริว่าให้เป็นไปตามระเบียบ ใครจะกล้าขัดขวาง ทุกคนก็เอาตามท่าน เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับเราด้วย