หลายพรรคการเมือง พร้อมใจลงพื้นที่เยาวราช ทำบุญ-แนะนำผู้สมัครช่วงเทศกาลตรุษจีน

หลายพรรคการเมือง ใจตรงกันลงพื้นที่เยาวราช ทำบุญ-แนะนำผู้สมัครช่วงเทศกาลตรุษจีน โดย ‘พล.อ.ประวิตร’ มาถึงเป็นคณะแรก ไม่ได้มีแผนวางไว้ล่วงหน้า เพราะต้องการพบกับประชาชนอย่างใกล้ชิด ขณะที่รวมไทยสร้างชาติ นำโดย ‘พล.อ.ประยุทธ์’ เปลี่ยนสถานที่นัดหมาย เพื่อไม่ให้พบกับ คณะของพรรคก้าวไกล ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ 

เริ่มจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่เดินถนนเยาวราช พร้อมด้วย นายธิชดล สกุลนำ หรือ นุ๊ก ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตป้อมปราบ โดยได้ไปทำบุญและขอพร ไหว้เจ้าแม่กวนอิม ทำบุญไหว้พระ ร่วมบริจาค ณ มูลนิธิเทียนฟ้า

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้เดินทักทายประชาชนที่บริเวณถนนเยาวราช  ด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส โดยมีประชาชนมาขอถ่ายรูปและทักทาย ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้ถ่ายรูปด้วย และเปิดให้ประชาชนเข้ามาทักทายพูดคุยได้ ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นการลงพื้นที่ที่ไม่ได้มีการแจ้งวาระใดๆ เพราะต้องการพบปะประชาชนอย่างเป็นกันเอง ในช่วงวันหยุด ที่คนไทยเชื้อสายจีนจะท่องเที่ยวกับครอบครัวตามประเพณี

‘พล.อ.ประยุทธ์’ ขอให้มีความสุข ขอให้ร่ำรวยทุกคน ถูกตะโกนถามเมื่อไหร่จะลาออก 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ย่านเยาวราช ภายหลังในช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ ได้พักผ่อนออกรอบตีกอล์ฟกับกลุ่มเพื่อนสนิทเป็นการส่วนตัว

ทั้งนี้ พรรคได้แจ้งปรับเปลี่ยนกำหนดการเดิมของแกนนำพรรค ว่า เมื่อแกนนำมาเดินทางถึงเยาวราชพบกันที่จุดแรกที่นัดพบที่ I’m Chinatown ห้างและโรงแรมใกล้สถานี MRT วัดมังกร ได้เปลี่ยนเป็นพบกันที่ร้าน TORA CHA ในซอยตรงข้ามมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง คาดว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เนื่องจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีกำหนดเดินทางมาจุดแรกด้วยเช่นกันในเวลา 17.00 น. รวมถึงในจุดที่สอง มีกำหนดการไปนมัสการเจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่ ซึ่งตรงกับพรรคก้าวไกล

อย่างไรก็ตาม เวลา 17.20 น. พรรคได้ปรับเปลี่ยนอีกครั้ง โดย นายพีระพันธ์ุ และ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี แกนนำ  พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม. นำแกนนำและสมาชิกพรรค ไหว้ศาลเจ้าพ่อไต่ฮงกงก่อ จากนั้นแกนนำ เดินทางมาเข้ามายังวัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) เพื่อไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ทั้งนี้ ขบวนหาเสียงของนายพีระพันธ์ุ สวนกับขบวนหาเสียงของนายพิธา ตรงปากประตูวัดเล่งเน่ยยี่ ซึ่งได้หันไปโบกมือทักทายกัน สมาชิกของทั้งสองพรรค ได้ตะโกนเชียร์พรรคตัวเองอย่างไม่ยอมกัน ทั้งรวมไทยสร้างชาติ สู้ๆ พรรคก้าวไกล สู้ๆ ทำเอาประชาชนที่เดินไป-มา ต่างหัวเราะชอบใจ

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึงล่าช้ากว่ากำหนด เนื่องจากไม่มีรถนำขบวน อีกทั้งพลขับก็ไม่ใช่พลขับประจำ เป็นพลขับเก่าแก่ที่เคยใช้กันมาก่อน ทำให้หลงทาง เพราะถนนเยาวราชช่วงตรุษจีนมีการปิดถนน ทำให้เข้าไม่ถูก ถึงขนาดตำรวจในพื้นที่ต้องไปขับนำเข้ามา

โดยเวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึงวัดมังกรกมลาวาส สวมเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีชมพู คลุมสูทลำลองเทา-น้ำเงิน ด้วยสีหน้าปกติ โดยเมื่อมาถึงเข้ามายังวัด ประชาชนได้ส่งเสียงเชียร์ นายกฯ สู้ๆ โดย พล.อ.ประยุทธ์ มีสีหน้าเรียบเฉย

จากนั้นเวลา 18.15 น. ภายหลังกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดเล่งเน่ยยี่ เสร็จ พล.อ.ประยุทธ์ เยี่ยมชมตลาดเก่าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ และย่านการค้า ร้านอาหารถนนเยาวราช โดยมีกองเชียร์คึกคัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ เดินพบปะประชาชนได้แวะเข้าไปทักทายประชาชนถึงในบ้าน พร้อมกับทำมือสัญลักษณ์มินิฮาร์ท พร้อมโบกมือทักทาย และกล่าวว่า “ขอให้มีความสุขขอให้ร่ำรวยทุกคน ขอให้ช่วยกัน” โดย พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้เล่นป๋องแป๋ง ทั้งนี้ในช่วงเดินทักทายประชาชนอากาศร้อน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถอดสูทออก

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนให้สัมภาษณ์ ปรากฏว่ามีหญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งทราบเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จึงได้ตะโกนเสียงดังใส่ว่า “ลุงตู่เมื่อไหร่จะลาออก”

อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้รถยนต์ส่วนตัว ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ ทะเบียน ญค1881 กรุงเทพมหานคร จากปกติใช้รถประจำตำแหน่ง ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ รุ่น S600 Guard sedan long หมายเลขทะเบียน 4 กต 29 กรุงเทพมหานคร โดยไม่มีรถนำขบวน

สำหรับการรักษาความปลอดภัย วันเดียวกันนี้ ไม่ได้ใช้ทีม รปภ.ปกติ แต่ใช้ทีม รปภ.ของพรรค รวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนมาทำหน้าที่ แต่ก็ยังคงมีเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบมาอารักขาอยู่ห่างๆ

‘พิธา’ นำทีมแนะตัวผู้สมัคร ส.ส.มั่นใจ เลือกตั้งแข่งกันที่นโยบาย 

ขณะที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีมพานายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขต 1 ลงพื้นที่พบประชาชนย่านเยาวราช พร้อมกล่าวว่า ส่งนายปารเมศ ลูกหลานคนเชื้อสายจีน มีความเข้าใจบริบทความต้องการพื้น ที่นี่เราเคยได้ที่ 2 ตอนปี 62 ส่วนสก.เขตพระนครล่าสุดเราได้รับความไว้วางใจมา เรามั่นใจว่าจะสามารถส่งนายปารเมศ เข้าสู่สภาฯ ได้แน่นอน

เมื่อถามถึงส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิม ย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่มีเจ้าของประชาชน แข่งขันกันที่นโยบายว่าใครจะตอบโจทย์คนในพื้นที่ ไม่ว่าจะย้ายพรรคหรือไม่ย้ายพรรค มาจากพรรคไหน ต้องสู้เต็มที่เพื่อเอาประชาชนเป็นที่ตั้งให้ได้

นายพิธา กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการยุบสภาช่วงต้นเดือน ก.พ. 66 ว่า จริงๆ เป็นไปได้หมด ต้องดูความพร้อมของคนมีอำนาจยุบ เขาแตกพรรคแล้วไม่ปังเหมือนที่คิด รวมกับระเบิดเวลาที่ตัวเองเขียนเอาไว้เรื่อง ต้องมีส.ส.ให้ครบ 25 คน ถึงจะเสนอชื่อคนเป็นนายกฯ ได้ เป็นต้น ส่วนใหญ่คือถ้าจะยุบ ก็ต่อเมื่อตนเองได้เปรียบ

“ไม่มั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม มีความได้เปรียบตรงนั้นอยู่หรือเปล่า ส่วนการเมืองในภาพใหญ่ จุดแข็งของก้าวไกลคือ การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต เอา เรื่องการทำประชามติในการทำรัฐธรรมนูญใหม่ ครั้งนี้จะทำให้การเมืองดีขึ้นมาได้ พรรคการเมืองในสภาฯ ต้องปิดสวิทช์ 3ป. เอาทหารออกจากการเมืองตั้งแต่วันนี้ตนคิดว่า ส.ว.ก็คงไม่กล้าเอาพลังลากตั้งมาสู้เลือกตั้ง” นายพิธา กล่าว

ส่วนกรณี 2 ป. มาลงพื้นที่เยาวราชเหมือนกันนั้น หวังว่าจะเจอกันที่การอภิปรายแบบไม่ลงมติมาตรา 152 และเจอกันที่เวทีดีเบต ฝากถึงในฐานะนักการเมืองด้วยกันเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับจีนตอนนี้ เช่น เรื่องตำรวจไปต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนตามข่าว รวมถึงเรื่องทุนจีนสีเทาด้วย นายกฯ ต้องมีคำตอบให้ประชาชน

นายพิธากล่าวว่า ส่วนการจับขั้ว ก้าวไกลไม่มีอ้อมแอ้ม ไม่อ้อมค้อม ไม่มีรอกระแสลมทั้งสิ้น ยืนยันได้ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านตอนนี้เป็นคำตอบที่ดีที่สุด ของความท้าทายที่มีในประเทศไทย สิ่งที่เป็นไปไม่ได้คือการจับขั้วกับพรรคทหารจำแลง ไม่ว่าจะพลังประชารัฐ หรือรวมไทยสร้างชาติ