SHARE

คัดลอกแล้ว

นายกรัฐมนตรีเผยเริ่มจะเห็นสัญญาณของการชะลอตัวการแพร่ระบาดโควิด-19 ในไทย เชื่อหากควบคุมการล็อกดาวน์ได้ดีขึ้นกว่านี้ เดือนนี้อาจจะสามารถผ่านจุดสูงสุดของยอดการติดเชื้อได้ และการติดเชื้อจะเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องได้ในต้นเดือนกันยายนนี้ 

วันที่ 18 ส.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ของประเทศไทยว่า หลังจากเริ่มมาตรการล็อกดาวน์มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม แม้ว่าจะมียอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันอยู่มากกว่า 20,000 คน แต่เริ่มจะเห็นสัญญาณของการชะลอตัว และมีสัญญาณของผู้ป่วยที่หายดีมากกว่าผู้ติดเชื้อรายวัน

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ตัวเลขของผู้เสียชีวิตที่แม้ว่าเราจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของทั่วโลก แต่ก็ยังมีบางวันที่ยังขึ้นสูงอยู่ และเราทุกคนไม่อยากให้มีใครเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขได้วิเคราะห์ว่า หากเราสามารถที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของการล็อกดาวน์ได้มากกว่านี้จะสามารถลดยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตได้มากขึ้น ที่ประชุม ศบค. จึงมีมติให้ขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการออกไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม หากเราสามารถควบคุมการล็อกดาวน์ได้ดีขึ้นกว่านี้ อาจจะสามารถผ่านจุดสูงสุดของยอดการติดเชื้อได้ภายในสิ้นเดือนนี้ และเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องได้ในต้นเดือนกันยายน ซึ่งจะทำให้เราสามารถปรับมาตรการการควบคุมและผ่อนคลายกิจการและกิจกรรมบางอย่างได้

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การที่เราจะสามารถลดยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตได้นั้นต้องมาจากความพยายามและร่วมมือของพวกเราทุกคน เนื่องจากการระบาดครั้งนี้มาจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมาก ทำให้มีการประมาณการว่า อาจจะมีผู้ติดเชื้อที่ไม่รู้ตัวอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อ รวมไปถึงผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วด้วย และเกิดการติดเชื้อในบ้านต่อคนในครอบครัวเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้กลุ่มเสี่ยง คือผู้สูงอายุหรือผู้มีโรคประจำตัวในบ้านต้องเสียชีวิต

ดังนั้น คณะแพทย์ที่ปรึกษา ศบค. จึงลงความเห็นว่าในช่วงเวลานี้ ประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใด เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ ต้องยกระดับการป้องกันตัวเอง ด้วยหลักการที่เรียกว่า Universal Prevention หรือการป้องกันโรคขั้นสูงสุด ที่ครอบคลุมทุกคน ในการดำเนินชีวิตทุกเรื่องที่อาจเกิดความเสี่ยง ซึ่งมีแนวปฏิบัติตามข้อต่อไปนี้ให้ได้มากที่สุด

1. ออกจากบ้านเมื่อจําเป็นเท่านั้น
2. เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ในทุกสถานที่
3. สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลาทั้งเมื่ออยู่นอกบ้านและในบ้านที่มีคนมากกว่า 2 คน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้ผู้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยง
4. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร หลังใช้ห้องน้ำ หรือหลังจากไอจาม หรือหลังสัมผัสวัตถุหรือสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน ต้องคิดว่าทุกสิ่งอย่างมีคนอื่นที่ติดเชื้อสัมผัส หรืออาจสัมผัสมาแล้วทั้งนั้น
5. หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัส หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าที่สวมใส่อยู่ รวมทั้งใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จําเป็น
6. ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปี และเป็นผู้มีโรคเรื้อรังให้เลี่ยงการออกนอกบ้าน หากจําเป็นจริงๆให้ใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด
7. ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้หรือสิ่งแวดล้อมด้านกายภาพ
8. แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้อื่น
9. เลือกทานอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ๆ ควรทานอาหารแยกชุด หรือหากทานอาหารร่วมกันให้ใช้ช้อนกลางส่วนตัวด้วย

10. หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงเช่น สัมผัสผู้ที่อาจมีการติดเชื้อ ไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยง หรือมีอาการ ควรได้รับการตรวจด้วย Antigen Test Kit (ATK) เพื่อยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ หรือให้ไปรับการตรวจรักษาที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน

เราต้องคิดเสมือนว่า ทุกคนที่เราพบปะมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อได้ทั้งสิ้น และทางการแพทย์ได้พิสูจน์แล้วว่าโควิดนั้นติดกันทางอากาศได้เมื่ออยู่ใกล้กัน การอยู่ใกล้ผู้อื่นโดยไม่มีสิ่งป้องกันจึงเป็นความเสี่ยงต่อการติดโรคได้ตลอดเวลา ผมจึงขอให้ทุกท่านได้ยึดหลักการ Universal Prevention อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยังมีความเสี่ยงสูงในขณะนี้

“ผมรับรู้ความเจ็บปวดของทุกท่านที่ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ต้องปิดกิจการ หรือผู้ที่ต้องสูญเสียรายได้จากมาตรการต่างๆของรัฐ หรือแม้แต่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากโรคร้ายนี้ ผมเจ็บปวดและเศร้าใจทุกครั้งที่ได้อ่านข่าวผู้เสียชีวิตจากโควิด และเป็นสิ่งเตือนใจผมตลอดเวลาว่าจะต้องทำให้ได้ดีกว่านี้ ในการพยายามหาหนทางทุกๆทางที่จะทำให้ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงให้มากที่สุด วิกฤตครั้งนี้หนักหนาสาหัสอย่างที่โลกไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงเวลาของการระบาดในระลอกนี้ ทำให้แผนการที่เราวางไว้บางอย่างอาจยังไม่บรรลุเป้าหมาย หรือต้องปรับเปลี่ยนแผน แต่ผมขอให้พวกเราทุกคนอดทน ช่วยกันประคองสถานการณ์ในระลอกนี้ให้ผ่านไปให้ได้ก่อน รักษาสุขภาพ ดูแลป้องกันตัวเองและคนรอบข้างไม่ให้ติดเชื้อ เพื่อบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อประเทศชาติ และเพื่อท่านและครอบครัวของท่านเอง” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจ และอดทนทำตามมาตรการของรัฐที่ออกมา ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ที่ร.พ. สนาม ที่จุดคัดกรอง หรือที่ขนส่งผู้ป่วย ขอบคุณจิตอาสา ขอบคุณทุกคนที่เสียสละ เสี่ยงภัยอันตราย ผมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ คนทำงานทุกคน จะหาทุกหนทางในการช่วยเหลือและแก้สถานการณ์ให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ เพื่อไปสู่การฟื้นฟูประเทศและเศรษฐกิจหลังโควิดโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าอุปสรรคครั้งนี้จะยากเพียงใดก็ตาม

ที่มา https://www.facebook.com/prayutofficial

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า