ปชป. พอใจภาพรวมของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไม่ปรับรัฐมนตรีในส่วนของพรรค ชี้ผลคะแนนลงมติไม่เท่ากันเป็นเรื่องปกติ ไม่ส่งผลกับการทำงาน ขณะที่พรรคไทยสร้างไทย เสนอขอฟังเสียงประชาชนหลังผลโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจค้าเสียงนอกสภา
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์พอใจภาพรวมการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา 3 ประการ ดังนี้
1.รัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้ง 3 ท่าน คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาที่ฝ่ายค้านอภิปรายได้ครบถ้วนสมบูรณ์
2. ส.ส. ประชาธิปัตย์เกือบทั้งหมดลงมติไปในทิศทางเดียวกัน แสดงถึงความมีเอกภาพภายในพรรค ทั้งๆ ที่ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา จะมีกระแสข่าวที่ทำให้หลายฝ่ายมองว่า จะมีการลงมติแตกต่างกัน แต่เมื่อผลการลงมติออกมา ก็ชี้ให้เห็นว่า ส.ส. ประชาธิปัตย์ ลงมติไปในทิศทางเดียวกัน
3. ผลการลงมติรัฐมนตรีของพรรค ทั้ง 3 คน มีคะแนนที่แตกต่างกันบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติของการลงมติ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานต่อไปในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าอาจจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหลังจากการอภิปราย นายองอาจ กล่าวว่า การปรับ ครม. ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีและขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคการเมือง แต่พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่เป็นนัยยะสำคัญที่จะนำไปสู่การปรับครม. ในสัดส่วนของพรรคแต่อย่างใด พรรคประชาธิปัตย์จะใช้เวลาที่เหลือก่อนสภาจะครบวาระ ในการมุ่งมั่นทำงานตามนโยบายที่เคยประกาศไว้ให้สัมฤทธิ์ผลให้มากที่สุด เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนส่วนรวมต่อไป
‘ไทยสร้างไทย’ เสนอตัวฟังเสียงประชาชน หลังผลโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจค้านเสียงนอกสภา
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงผลการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีรวม 11 คน ที่สภาผู้แทนราษฎรเทคะแนนเกินครึ่งให้ความไว้วางใจปฏิบัติหน้าที่ต่อว่า ความรู้สึกหลังจากทราบผลคือไม่รู้จะพูดอย่างไรหรือภาษาอีสานคือ “เบิดคำสิเว้า” เพราะจากการติดตามฟังการอภิปรายมาตลอด 4 วัน 4 คืน หลายเรื่องที่ฝ่ายค้านหยิบยกมาเป็นเรื่องจริงที่สะท้อนว่ารัฐบาลไร้สามารถในการบริหารประเทศจนทำให้เศรษฐกิจถดถอย พลังงานแพง สินค้าและค่าครองชีพสูง
“อภิปรายไม่ไว้วางใจ รอดทุกคน ยกเว้นประชาชนที่กำลังจะอดตายในวิกฤตเศรษฐกิจ เมื่อสภาพึ่งไม่ได้ ป.ป.ช. ก็พึ่งไม่ได้ พรรคไทยสร้างไทยขอเป็นที่พึ่งรับฟังเสียงของประชาชนเพื่อช่วยเหลือและพัฒนาเป็นนโยบาย ตามเจตนารมณ์ของพรรคคือ สู้เพื่อคนตัวเล็ก” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
ด้าน นายธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ดิจิทัลเพื่อสร้างพลังของประชาชน พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงแพลตฟอร์มการฟังของประชาชนของพรรคผ่านบล็อกเชนทาง DAO.thaisangthai.org มีการยืนยันตัวตนผ่านเบอร์มือถือคล้ายการลงทะเบียนใช้งานแอปธนาคาร เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเสียงจริงของประชาชนและไม่สามารถมาลงคะแนนซ้ำเพื่อกลั่นแกล้งหรือทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนได้ อีกทั้งบล็อกเชนมีการเก็บข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีใครสามารถแก้ไขหรือบิดเบือนข้อมูลได้ ผู้แทนประชาชนก็จะมั่นใจว่า เสียงนี้ส่งมาจากประชาชนจริง
.
สิ่งที่พรรคไทยสร้างไทยตั้งใจ คือการสร้างแพลตฟอร์ม “Participatory Democracy” หรือ “ประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วม” ที่จะต่อยอดไปจนถึงการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในประเด็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบนโยบายจากปัญหาและความต้องการจริง การร้องทุกข์ การร่วมตรวจสอบการใช้งบประมาณ การร่วมตรวจสอบการทำงาน การให้เรตติ้งข้าราชการและหน่วยงานรัฐ จนไปถึงการทำประชามติในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่จะทำได้ง่ายกว่าเดิม แม่นยำกว่าเดิม และประหยัดงบประมาณการทำประชามติแต่ละครั้งลงไปมาก
“ลองจินตนาการดูว่า ถ้าวันที่ ส.ส.ของพรรคไทยสร้างไทย เข้าสภาไปแล้ว มีอะไรที่ประชาชนอึดอัดใจ สามารถส่งตรงไปถึง ส.ส.ของท่านให้ยกมือแทนท่านได้ เป็นปากเป็นเสียงในสภาแทนท่านได้ ทำงานแทนท่านในสิ่งที่ท่านต้องการ และเป็นประโยชน์กับท่านจริง ๆ ไม่ใช่อ้างว่าฟังประชาชนเพียงแต่วาทกรรม แล้วไม่รู้ว่าประชาชนที่อ้างอยู่ที่ไหนของประเทศ เป้าหมายของแพลตฟอร์มนี้คือเพื่อให้เราได้ผู้แทนที่ฟังประชาชนและมุ่งทำเพื่อประชาชนจริง ๆ มากขึ้นในสภา ซึ่งเมื่อแพลตฟอร์มแบบนี้เกิดแล้ว ระบบเกิดแล้ว ไม่ว่าในอนาคต จะเปลี่ยนตัวบุคคล เปลี่ยนยุคสมัย สิ่งนี้จะอยู่ตลอดไป และไม่ถอยหลังกลับไปอีก” นายธรรม์ธีร์ กล่าว