เลือกตั้งซ่อมหลักสี่ ‘สรัลรัศมิ์-อรรถวิชช์’ เปิดฉากวิวาทะ ปมข่าวซื้อเสียง-ดูหมิ่นเพศแม่

สรุปความเคลื่อนไหว เลือกตั้งซ่อมหลักสี่ ก่อนหย่อนบัตร 30 ม.ค. นี้ ล่าสุด ผู้สมัคร 2 พรรค เปิดฉากวิวาทะ ‘สรัลริศมิ์-อรรถวิชช์’ ปมข่าวซื้อเสียง-ดูหมิ่นเพศแม่

กลายเป็นประเด็นตอบโต้กันระหว่าง ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 9 (หลักสี่-จตุจักรบางส่วน) ระหว่าง ‘อรรถวิชช์’ พรรคกล้า กับ ‘สรัลรัศมิ์’ พรรคพลังประชารัฐ เมื่อพาดพิงกันไปมา ในประเด็นการหาเสียงเลือกตั้ง ที่เริ่มมีการระบุว่ามีการ “ซื้อเสียง” จนถึง “คุณสมบัติของผู้ลงสมัคร”

วันที่ 12 ม.ค. 2565 นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครจากพรรคกล้า (เบอร์ 2) ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 9 ที่พรรคพลังประชารัฐแพ้ไม่ได้ว่า พรรคพลังประชารัฐน่าจะมีคนคุณภาพที่ส่งมาได้มากกว่านี้ การที่นายสิระ เจนจาคะ ที่คุณสมบัติมีปัญหา ยืนยันที่จะส่งตัวแทนลงอีกครั้ง เห็นว่า เขากล้าทิ้งไพ่ใบที่เสี่ยงที่สุด

ส่วนกระแสข่าวการซื้อเสียงที่สูงถึง 3,000 บาทต่อหัว เป้าหมายคือ ชุมชนริมคลอง 10,000 เสียง นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ได้ยินมาเช่นนั้นเหมือนกัน หัวคะแนนรู้จักกันหมด ลงพื้นที่มา 17 ปี ครั้งที่แล้วช่วยพรรคพลังประชารัฐ ตอนนี้กลับมาช่วยพรรคกล้า ส่วนจะได้เข้าหรือไม่ก็ต้องรอดู

“เขาซื้อไม่เข้าหรอกครับ แต่ทำไมถึงกล้าทุ่มขนาดนี้”

นายอรรถวิชช์ ยังบอกด้วยว่า อย่างไรก็ตามก็ต้องรอดู แต่เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็เห็นกันอยู่เลี่ยงความจริงไม่ได้ว่าเราแข่งกับพรรคใหญ่ที่มีกำลังเงินเยอะ แต่เชื่อมั่นคนกทม. เพราะพลิกประวัติศาสตร์ทางการเมืองมาแล้วหลายครั้ง รอดูเพราะผลโพลใช้กับ กทม. ไม่ได้

ฟาก นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ (เบอร์ 7) ตอบกลับว่า ไม่ขอตอบโต้นายอรรถวิชช์ ที่มาดูถูกพรรคการเมืองอื่น ดูถูกผู้สมัครจากพรรคอื่น และถือเป็นการหมิ่นเกียรติตนซึ่งเป็นผู้หญิงอย่างมาก การพูดของนายอรรถวิชช์ นอกจากจะดูหมิ่นเพศแม่แล้ว ยังดูถูกคนหลักสี่ จตุจักร ที่ให้การสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐอีกด้วย

นางสรัลรัศมิ์ กล่าวอีกว่า นายอรรถวิชช์เคยพูดว่า เราเหมือนเป็นญาติกัน แต่วันนี้ทำพฤติกรรมเช่นนี้ ทั้งที่นายอรรถวิชช์ เป็นคนหน้าตาดี การศึกษาสูง ตระกูลใหญ่โต พอลงเลือกตั้ง รู้ว่าจะแพ้ก็ออกมาโจมตี ดูถูกเหยียดหยามกันด้วยคำพูดที่ไร้ซึ่งความเป็นสุภาพบุรุษ ตนจะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบว่า เป็นการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในการโจมตี ใส่ร้าย หรือไม่ เพื่อจะได้ดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้ ขอฝากไปยัง นายอรรถวิชช์ว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ควรวัดกันที่ผลงานในพื้นที่ ไม่ใช่วาทกรรมทางการเมือง หรือการดูถูกคนอื่นให้ตัวเองดูดี ขอให้ดูผลงานที่ตนทำมา และย้อนกลับไปดูตัวเองว่า เคยทำอะไรให้คนหลักสี่- จตุจักร บ้าง

“คนที่ประกาศว่าเป็นนักการเมืองคุณภาพ จะทำการเมืองใหม่ แต่คำพูดกลับสวนทางกับสิ่งที่กำลังทำ แถมเล่นการเมืองแบบเก่าด้วยการสาดโคลนใส่ร้ายกันแบบนี้ นี่หรือคือการเมืองที่มีคุณภาพ ดิฉันเชื่อว่า พี่น้องชาวหลักสี่ จตุจักร จะเป็นผู้พิพากษานักการเมืองแบบนี้เอง และขอวิงวอนพี่น้อง พ่อแม่ ชาวหลักสี่ จตุจักร ได้แสดงพลังปกป้องเกียรติยศของคนหลักสี่ จตุจักร ด้วยการอย่าให้นักการเมืองแบบนี้มาย่ำยีดูถูกพวกเราตลอดไป” นางสรัลรัศมิ์ กล่าว

ล่าสุด นายอรรถวิชช์ ยืนยันว่า หากย้อนกลับไปฟังการให้สัมภาษณ์ไม่มีคำใดที่ดูหมิ่นสตรีแม้แต่คำเดียว อย่าทำการเมือง ดราม่า และขอให้นางสรัลรัศมิ์ระมัดระวังคำพูด เพราะการกล่าวหากันแบบนี้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายทั้งเคยพูดมาตลอดทั้งการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม จ.ชุมพร และจ.สงขลา ว่า ไม่เชื่อในระบบบ้านใหญ่ ไม่สนับสนุนการเมืองที่ผูกขาดโดยเครือญาติ และการเลือกตั้งซ่อมที่เกิดขึ้น ต้องเสียงบประมาณหลวง เสียเวลาประชาชน เป็นเพราะแจ้งคุณสมบัติไม่ตรงความจริง แต่กลับไม่ได้ยินคำขอโทษแม้แต่คำเดียว ซ้ำยังส่งครอบครัวเดียวกันมาลงสมัครอีก อย่าพยายามเบี่ยงเบนประเด็นดึงเรื่องความเป็นสตรีเข้ามาเกี่ยวข้อง มันเป็นเรื่องมารยาทและจิตสำนึก ที่ทุกเพศทุกวัยควรมี

ส่วนกรณีการซื้อเสียง นายอรรถวิชช์ ยังยืนยันว่า เริ่มมีการร้องเรียนว่ามีการจดชื่อผ่านระบบหัวคะแนนในพื้นที่ เกิดขึ้นมากกว่าที่เคยเลือกตั้งมา อยู่วงการการเมืองมา 17 ปี ได้ยินได้ฟังหนักสุดในครั้งนี้ และมีการร้องเรียนเข้ามาว่ามีการเพิ่มรายชื่อบุคคลอื่นเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้าน ซึ่งเจ้าบ้านที่ร้องเรียนได้ขอให้สำนักเขตตรวจสอบแล้ว