สภาป่วน ต้องนับองค์ประชุมแบบขานชื่อ ผลคือ อยู่ 264 ไม่อยู่ 211 ยังประชุมได้ต่อ

สภาป่วนแต่เช้า! ต้องนับองค์ประชุมแบบขานชื่อ ผลคือ อยู่ 264 ไม่อยู่ 211 ยังประชุมได้ต่อ เข้าสู่วาระพิจารณาร่างกฎหมายที่คั่งค้าง

วันที่ 24 พ.ย. 2564 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอ 3 เรื่อง คือ ร่างพ.ร.บ.เครื่องสำอาง, ร่าง พ.ร.บ.อาหาร และ ร่าง พ.ร.บ. มหาชน จำกัด หลังจากนั้นจะพิจารณาร่างที่ค้าง ซึ่งเสนอโดย ส.ส. และภาคประชาชน จำนวน 37 ร่าง

ช่วงเช้าที่ประชุมต้องนับองค์ประชุมโดยการขานชื่อ เนื่องจากก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการเสนอให้เลื่อนญัตติเรื่องของให้สภา ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณา ศึกษา การเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่ จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส. ตาก พรรคพลังประชารัฐ และ นายอรรถกร เป็นผู้เสนอขึ้นมาพิจารณาก่อน จึงเกิดการถกเถียงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากมีผู้เห็นว่า เป็นระเบียบวาระของวันพรุ่งนี้ และไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนจะต้องนำมาพิจารณาก่อน

จากนั้นมีการโต้เถียงกันระหว่างให้เปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวพาดพิงพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าไม่ได้ให้ความร่วมมือกับการประชุม ทำให้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นชี้แจงทันที ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่เคยหนีและเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง เสนอนับองค์ประชุมแบบขานชื่อ

แต่ นายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาล ค้านว่าการขอตรวจสอบองค์ประชุมโดยการขานชื่อยังไม่มีระเบียบ ขอใช้สิทธิ์นับองค์ประชุมด้วยการกดบัตร ประธานในที่ประชุมต้องพักการประชุม 15 นาที ในที่สุดที่ประชุมสภา เดินหน้านับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ

ผลคือ มี ส.ส. อยู่ 264 คน ไม่อยู่ 211 คน ซึ่งปัจจุบัน มีส.ส.ปฏิบัติหน้าที่ได้ 475 คน องค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่ง 238 คน   “สภาไม่ล่ม” การประชุมดำเนินต่อ เข้าสู่วาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.เครื่องสำอาง