‘จุรินทร์’ ยืนยัน “ของไม่ได้แพงทั้งแผ่นดิน” มี 58 รายการที่ราคาลดลง โดยเฉพาะ “เนื้อหมู – น้ำมันปาล์ม – ผักชี” รับมีเพียงราคายางที่ตก เพราะมีปัจจัยภายนอก แต่มีโครงการประกันรายได้-เพิ่มส่วนต่าง ที่ช่วยเกษตรกร พร้อมเดินหน้าทำข้อตกลงทางการค้าเพิ่มการส่งออก
การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ม.152 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ชี้แจงกรณีการอภิปรายว่ารัฐบาลนี้ “ของแพงทั้งแผ่นดิน” ว่า ประเด็นนี้เป็นเรื่องเดิมที่เคยอภิปรายไปแล้ว แม้สถานการณ์เปลี่ยนแปลง แต่ทำจำเป็นต้องชี้แจงอีก เพื่อให้เกิดความกระจ่าง กรณีเงินเฟ้อ ความจริงประเทศไทยสถานการณ์เงินเฟ้อดีขึ้นตามลำดับ เพราะลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศของโลก ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อของโลกอยู่ที่ร้อยละ 6.5 แต่ไทยเงินเฟ้อเพียงร้อยละ 2.8 ชี้ให้เห็นว่าปีนี้ดีขึ้น แม้น้ำมัน แก๊ส จะขึ้นราคา
“ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ เข้าไปกำกับราคาต้นทุนการผลิตบางอย่าง และกำกับราคาดีตามสมควร แม้ว่า น้ำมัน แก๊ส ค่าไฟ ยังปรับลดลงไม่ได้ เพราะมีสงครามรัสเซีย ยูเครน และสถานการณ์อื่น ยังไม่ยุติ ซึ่งสถานการณ์ราคาสินค้าที่บอกว่าแพงทั้งแผ่นดิน ไม่เป็นความจริง จะพบว่าราคาปรับลดลงมีเยอะ อย่างน้อย 58 รายการ ปรับลง เช่น หมูเนื้อแดง ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 165 บาทต่อกิโลกรัม ไม่ถึง 300 บาทต่อกิโลกรัม ที่มีคนเคยอภิปราย ส่วนผักชี ปรับลดลง 27% น้ำมันปาล์ม ลดลงเหลือขวดละประมาณ 48-50 บาท ไม่ใช่ขวดละ 60 กว่าบาท ซึ่งนั่นเป็นราคาเดิม” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาราคาปุ๋ยแพง ปุ๋ยขาดตลาด แก้ไขได้แล้ว เพราะได้มีการนำเข้าจากซาอุดีอาระเบีย นอกจากนี้ยังได้แก้ปัญหาราคาอาหารสัตว์หลายรายการ ขณะที่ราคาผลไม้ดีขึ้น เช่น ทุเรียนเฉลี่ยสูงถึง 160 บาทต่อกิโลกรัม
ส่วนราคาพืชทางการเกษตร เช่น หอมหัวใหญ่สดกิโลละ 16 บาท กระเทียมกิโลละ 20 บาท เว้นแต่ราคายางพารา ซึ่งมี 2 เหตุผลที่ทำให้ราคาตก คือ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้การซื้อรถยนต์ลดลง ทำให้ยางรถยนต์ ทำผลิตจากยางพาราไทยขายได้ยากขึ้น และสถานการณ์โควิดที่ดีขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ถุงมือยางลดลง เช่นกัน แต่รัฐบาลมีประกันรายได้ จ่ายส่วนต่างให้ชาวสวน ตลอดสามปีที่ผ่านมา แต่ปีนี่ช้าหน่อย เพราะติดเรื่องกฎหมายวินัยการคลัง แต่ไม่นาน เมื่อเข้าคณะรัฐมนตรีแล้ว อีกไม่นานจะสามารถชดเชยเงินส่านต่าง ได้เหมือนสามปีที่ผ่านมา
นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องส่งออกที่วิจารณ์ว่าถดถอย ยืนยันว่าไม่จริง เพราะปีที่แล้วเป็นบวกร้อยละ 5.5 มากกว่าประเทศอื่น ในปีนี้เราจะยังเดินหน้าต่อไป เพื่อส่งออกไทยเป็นบวก นอกจากนี้ยังได้เดินสายนำนักธุรกิจเดินทางไปเจราจาทางธุรกิจโดยตรง หากในอนาคตทำเอฟทีเอกับสหภาพยุโรปได้เพิ่มขึ้น เราจะมีมูลค่าการค้าขายกับต่างประเทศไม่แพ้กับประเทศอื่นในภูมิภาค