Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

พรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวผู้สมัคร ส...กระบี่ 3 เขต พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งจุรินทร์ยังไม่พูดคุยเรื่องปรับ ครม. ต้องให้เกียรติผู้นำก่อน ส่วนการยุบสภายันเป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี แต่พรรคเตรียมรับมือไว้ทุกสถานการณ์

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เปิดตัวผู้สมัคร ส.. .กระบี่ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะมีเขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้น จาก 2 เขต เป็น 3 เขต งพรรค ได้เตรียมผู้สมัครครบแล้วทั้ง 3 เขต และถัดจากนี้จะได้เข้าสู่กระบวนการตามข้อบังคับพรรคต่อไป ประกอบด้วย 

เขต 1 นายธนวัฒน์ ภูเก้าล้วน นักการเมืองรุ่นใหม่ จบปริญญาโท ด้านบริหารการศึกษา จากมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ เป็นหลาน นายชวน ภูเก้าล้วน นายกสภาการศึกษาจังหวัดกระบี่ และเป็นบุตรชายของ นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองกระบี่ 8 สมัย 

เขต 2 นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.. จังหวัดกระบี่ 3 สมัย คือปี 2550 ปี 2554 และล่าสุด ปี 2562 เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเร่งรัด พ...ปาล์มยั่งยืน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรชาวสวนปาล์ม และพี่น้องชาวกระบี่ต่อไป 

เขต 3 ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส..บัญชีรายชื่อ จบการศึกษาระดับปริญญาเอก มีประสบการณ์ทางการเมืองมาก และถือว่าเป็นดาวเด่นคนหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้

นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้างานสัมมนา ส.. พรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นการสัมมนา ส.. ของพรรค ทั่วประเทศที่เกาะลันตา จ.กระบี่ ซึ่งทำมาทุกครั้ง หลังปิดสมัยประชุม เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และประเมินสถานการณ์ รวมทั้งกำหนดทิศทางของพรรคในการเดินหน้าต่อไป โดยตนจะได้ทำหน้าที่เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา จากนั้นจะมีรองหัวหน้าพรรค ที่กำกับดูแลแต่ละภาครายงานความคืบหน้าการดำเนินการ และมีเลขาธิการพรรคเป็นผู้ปิดการสัมมนา 

ส่วนแผนการเลือกตั้งใน จ.กระบี่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ได้ตัวผู้สมัครครบแล้ว ทั้ง 3 เขต และจะถือโอกาสเปิดตัวในที่ประชุมสัมมนา ส.. ของพรรค หวังว่าจะได้เสียงตอบรับจากประชาชนดีขึ้นกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา 

เมื่อถามว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งตัวแทนมาเข้าให้ความชัดเจนกับว่าที่ผู้สมัครของพรรคหรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคได้เชิญไปแล้ว แต่ กกต. ได้ออกประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรมา แต่สิ่งที่เคยเสนอไปก่อนหน้านี้ก็คือ อยากเห็น กกต. ตั้งสายด่วนขึ้น เพื่อคอยตอบคำถามให้กับผู้ที่จะสมัครรับเลือกตั้ง หรือผู้ที่สนใจ หรือตอบคำถามจากพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีข้อสงสัยในเรื่องภาคปฏิบัติจริง โดยจะขอให้ผู้ที่ตอบคำถามในฐานะที่เป็นตัวแทน กกต. ได้ ซึ่งเรื่องนี้จะมีส่วนช่วยทำให้ทุกฝ่ายสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบของ กกต. ได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ด้วยความเข้าใจมากยิ่งขึ้น หากทำได้จะดีที่สุด

ส่วนกรณีฝ่ายค้านต้องการให้คลายล็อคหรือแก้ไข กฎเหล็ก 180 วัน ของ กกต. หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทุกพรรคมีหน้าที่ต้องปรับตัวให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้ และเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติไปตามนั้น จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ต้องปฏิบัติ ส่วนในฐานะรัฐบาล รัฐบาลก็ทำหน้าที่ในฐานะรัฐบาลได้ เพราะแต่ละกระทรวงก็มีภารกิจที่มีความแตกต่างกัน อันนั้นก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะของหน่วยราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรับ ตนก็คิดว่าควรจะทำได้ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลจะบริหารประเทศในช่วงเวลานี้ได้อย่างไร จะสนองตอบต่อการแก้ปัญหาได้อย่างไร หรือทำหน้าที่ได้ครบถ้วนได้อย่างไร ส่วนตัวคิดว่าควรจะทำได้ในขอบเขตที่เป็นอำนาจหน้าที่ของแต่ละกระทรวง แต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบ

เมื่อถามว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อเข้าไปคุยกับนายกรัฐมนตรี ในเรื่องการปรับ ครม. นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคงต้องเริ่มต้นกลับมาปฏิบัติงานตามปกติก่อน เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ไปรบกวน แต่ได้สื่อสารทางด้านอื่นเพื่อประสานงานมาตลอด เพียงแต่ไม่ได้มาให้ข่าวกับสื่อเท่านั้น และเมื่อท่านนายกรัฐมนตรีมาปฏิบัติภารกิจตามปกติ จะถือโอกาสในการที่จะมาหารือกับว่ามีความเห็นว่าอย่างไร 

ต้องนับหนึ่งที่ท่านด้วย เราต้องให้เกียรติ คนที่เป็นผู้นำรัฐบาล แม้ประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคการเมืองพรรคหนึ่งก็ตาม แต่เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องให้เกียรติท่านนายกฯ ส่วนผมเมื่อโอกาสเหมาะสมก็จะไปหารือนายจุรินทร์ กล่าว 

เมื่อถามว่า เรื่องอายุรัฐบาลที่เหลืออยู่นี้ เหมาะสมกับการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า อยู่ที่ความเหมาะสมของแต่ละสถานการณ์ มันไม่มีเงื่อนไขอะไรที่จะไปบังคับกำหนด เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ รัฐธรรมนูญก็เปิดโอกาสให้ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ตาม จะเหลือเวลาเท่าไหร่ก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละกรณี แต่ละสถานการณ์ อย่างไรก็ตามส่วนตัวยังไม่มีความเห็นว่าปัจจุบันเหมาะสมสำหรับการปรับคณะรัฐมนตรี  ขอหารือกับนายกฯ ก่อน 

เดี๋ยวจะกลายเป็นจะไปหารือกับท่านนายกฯ แล้วบอกว่าผมจะเอาอย่างไรนั้น มันก็ไม่เหมาะนะครับ แต่ไม่ได้แปลว่าคิดเองไม่เป็นนะครับ คิดเป็นครับ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คิดเป็นทุกคน เพียงแต่เราต้องทำงานบนพื้นฐานของการให้เกียรติซึ่งกันและกันนายจุรินทร์ กล่าว

เมื่อถามว่า หากมีการปรับเปลี่ยน ครม.จะมีการขอโควตารัฐมนตรี หรือปรับเปลี่ยนกระทรวงหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า คงเป็นไปตามเดิม เพราะยังไม่มีสัญญาณอะไรที่จะเปลี่ยนแปลง เชื่อมั่นไม่มีแรงกระเพื่อมอะไรในพรรคร่วมรัฐบาลและภายในพรรคประชาธิปัตย์เอง

เมื่อถามว่า พรรคได้ประเมินสถานะภาพรัฐบาลว่าจะอยู่ครบเทอม หรือจะมีการยุบสภาหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง เพราะจะอยู่ครบเทอมก็เป็นไปได้ จะมีการยุบสภาก็เป็นไปได้ ทั้งหมดก็อยู่ที่หัวหน้ารัฐบาลด้วย เพราะคนที่มีอำนาจยุบสภาคือนายกรัฐมนตรี 

แต่ผมก็คิดว่าเมื่อถึงเวลา ก็น่าจะมีการหารือกันในระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ผมเชื่อว่าท่านนายกฯ ก็คงให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาล ท่านก็คงสอบถาม หารือด้วย ผมเชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น ซึ่งพรรคได้เตรียมพร้อมไว้แล้วสำหรับทุกสถานการณ์หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว 

เมื่อถามว่า ได้ประเมินช่วงเวลาการยุบสภาหรือไม่ว่าจะเกิดในช่วงใด หลังการประชุมเอเปค หรือช่วงหลังปีใหม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า หากยุบสภาในช่วงเอเปค คงจะยุ่ง เพราะเอเปคนี้ไม่ใช่การประชุมเล็กๆ แต่เป็นการประชุมระดับโลก 21 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก ในกลุ่มเอเชียแปซิฟิค มาประชุมร่วมกัน และมีผู้นำระดับสูงของแต่ละประเทศมา เพราะฉะนั้นเหลือเวลาอีกแค่เดือน 2 เดือน ต.. – .. ก็จะมีการประชุมซัมมิท สุดยอดผู้นำในส่วนของเอเปค เพราะฉะนั้นก็ควรจะได้ผ่านพ้นเอเปคไปเสียก่อน ส่วนของตนนั้น กระทรวงพาณิชย์ได้มีการประชุมมาแล้ว และตนก็นั่งเป็นประธานที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เอเปค ในช่วงต้นปีมาแล้ว แต่การประชุมเอเปคนั้นมีหลายวง วงรัฐมนตรีเศรษฐกิจ แล้วถึงจะมาวงของผู้นำสูงสุด ก็คือระดับนายกรัฐมนตรี ระดับประธานาธิบดี ผู้นำสูงสุดในการประเทศ หรือผู้บริหารเขตเศรษฐกิจเหล่านั้น ก็จะมาในช่วง พ..โดยประมาณ 

ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ที่ยังมีมวลชนบางส่วนยังไม่ยอมรับการกลับมาของ พล..ประยุทธ์ จะส่งผลให้การบริหารของรัฐบาลไม่ราบรื่นหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า  เคยตอบคำถามนี้ไปแล้วว่า ตนเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติของสังคมประชาธิปไตย ที่ความเห็นต่างนั้นมีได้ นายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาลต้องมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับส่วนรวมพี่น้องประชาชน ขณะเดียวกันก็ต้องบริหารความเห็นต่างที่เกิดขึ้นในสังคมให้ได้ ซึ่งก็คงมีประสบการณ์มาตลอด 3 ปีครึ่งมาแล้ว นายกรัฐมนตรี คงทราบว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ถ้ารับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน มันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่สุดท้ายทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับความเห็นรวม ๆ ของประชาชนทั้งประเทศด้วย แต่ถ้าจะถามว่าจะรู้ได้อย่างไรนั้น ก็ต้องประเมินเอา แต่สุดท้ายก็ไปอยู่ที่ผลการเลือกตั้ง ซึ่งอีกไม่นาน เพราะถ้าอยู่ครบเทอม ก็ 7 .. เพราะ กกต. ก็พูดไว้โดยประมาณแล้ว ยกเว้นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า