SHARE

คัดลอกแล้ว

‘ไพบูลย์’ แจงเหตุให้ ส.ส.กลุ่ม ‘ร.อ.ธรรมนัส’ พ้นจากพรรค เพราะขอปรับโครงสร้างกระทบส่วนใหญ่ ชี้เข้าข่ายผิดร้ายแรง ยันไม่เกี่ยวกระแสข่าวขอเก้าอี้รัฐมนตรี

วันที่ 20 ม.ค. 2565 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงกรณีมติพรรคพลังประชารัฐให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค และ ส.ส.ในกลุ่มรวม 21 คน พ้นหรือสิ้นสุดจากสมาชิกภาพพรรค วานนี้ (19 ม.ค.) ว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้เสนอปรับโครงสร้างพรรคขนานใหญ่ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เห็นว่าประเด็นข้อเรียกร้องดังกล่าวสร้างปัญหามาก เกรงจะเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ในพรรค จึงเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.พรรค ซึ่งการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาเรื่อง ของ ร.อ.ธรรมนัส และคณะเรียกร้องมา พิจารณาแล้วว่าไม่สามารถทำตามที่เรียกร้องมา เพราะหากดำเนินการไปนั้นจะเป็นความเสียหายของพรรคทั้งระบบ

“เพื่อรักษาหลักการแห่งพรรคพลังประชารัฐทั้งเรื่องเอกภาพเสถียรภาพ อุดมการณ์ของพรรคหลายอย่าง คณะกรรมการของพรรคเห็นว่ารับไม่ได้ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส บอกว่าถ้าไม่รับข้อเสนอจะมีปัญหาการบริหารพรรคต่อไป สิ่งนี้พรรคเห็นว่าเป็นเหตุร้ายแรงกระทบ กับเสถียรภาพ พรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นกรรมการบริหารพรรคจึงเห็นว่าเรื่องนี้เข้ากับข้อบังคับพรรค ข้อ 54 (5) พรรคจึงมีมติให้ ร.อ.ธรรมนัส และคณะรวม 21 คน พ้นจากพรรคเพื่อรักษาส่วนใหญ่” นายไพบูลย์ กล่าว

นายไพบูลย์ ย้ำว่า ร.อ.ธรรมนัส เรียกร้องในเรื่องที่พรรคไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เช่น เรื่องปรับโครงสร้างพรรคใหม่ ถ้าไม่ปรับจะเคลื่อนไหวต่างๆ ที่จะทำให้เกิดความเสียหายกับพรรค ไม่ได้พูดเรื่องเก้าอี้ ซึ่งเรื่องปรับโครงสร้างพรรคถือเป็นเรื่องร้ายแรง ตำแหน่งต่างๆ จะกระทบทั้งหมด ประเด็นนี้ ร.อ.ธรรมนัส บอกถ้าไม่ได้ก็ไม่ยอม ถือเป็นความขัดแย้งที่จะก่อให้เกิดความมั่นคงเสถียรภาพของพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นเหตุร้ายแรงแล้ว สรุปมติกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ ส.ส. มีความเห็นตามข้อบังคับของพรรคทุกประการ มันเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เราพยายามแก้ไขแล้ว การที่เรามีมติตามกฎหมายเพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้ จากนี้พรรคดำเนินการจัดเตรียมเอกสารส่งไปยัง กกต. การมีมติ ตามข้อกฎหมาย มีผลในวันที่มีมติ ทั้ง 21 คน เป็น ส.ส. แต่ต้องหาพรรคใหม่ ไม่เกิน 30 วัน ตาม รธน. ม. 101 (9) และระหว่างนี้หัวหน้าพรรคจะพิจารณาแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคคนใดคนหนึ่งมาทำหน้าที่เลขาธิการพรรคแทนไปก่อน

“มีมติให้พ้นหรือสิ้นสุดจากสมาชิกภาพพรรค เพราะไม่สามารถปฏิบัติตามได้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคอยากให้พรรคเป็นสถาบันทางการเมืองอย่างแท้จริง จะให้มีภาพลักษณ์แตกแยกทางการเมืองกันอย่างนี้ไม่ได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวหัวหน้าพรรคเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาไม่ได้โหวตร่วมด้วย เชื่อมั่นว่าตั้งแต่นี้ไปจะจบจริงๆ พรรคมีเอกภาพมั่นคงมากขึ้น เรายังเหลือ ส.ส.อีกกว่าร้อยคน และเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้มาเกี่ยวข้องด้วย” นายไพบูลย์ กล่าว

ส่วนความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ช่วงเช้าเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งที่ 2/2565 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนการประชุมผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ หลังพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นายกรัฐมนตรีปฏิเสธตอบคำถาม ได้แต่หันหน้ามามองกลุ่มผู้สื่อข่าวพร้อมเลิกคิ้วก่อนเดินเข้าห้องประชุม

วันที่ 20 ม.ค. 2565 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงกรณีมติพรรคพลังประชารัฐให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค และ ส.ส.ในกลุ่มรวม 21 คน พ้นหรือสิ้นสุดจากสมาชิกภาพพรรค วานนี้ (19 ม.ค.) ว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้เสนอปรับโครงสร้างพรรคขนานใหญ่ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เห็นว่าประเด็นข้อเรียกร้องดังกล่าวสร้างปัญหามาก เกรงจะเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ในพรรค จึงเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.พรรค ซึ่งการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาเรื่อง ของ ร.อ.ธรรมนัส และคณะเรียกร้องมา พิจารณาแล้วว่าไม่สามารถทำตามที่เรียกร้องมา เพราะหากดำเนินการไปนั้นจะเป็นความเสียหายของพรรคทั้งระบบ

“เพื่อรักษาหลักการแห่งพรรคพลังประชารัฐทั้งเรื่องเอกภาพเสถียรภาพ อุดมการณ์ของพรรคหลายอย่าง คณะกรรมการของพรรคเห็นว่ารับไม่ได้ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส บอกว่าถ้าไม่รับข้อเสนอจะมีปัญหาการบริหารพรรคต่อไป สิ่งนี้พรรคเห็นว่าเป็นเหตุร้ายแรงกระทบ กับเสถียรภาพ พรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นกรรมการบริหารพรรคจึงเห็นว่าเรื่องนี้เข้ากับข้อบังคับพรรค ข้อ 54 (5) พรรคจึงมีมติให้ ร.อ.ธรรมนัส และคณะรวม 21 คน พ้นจากพรรคเพื่อรักษาส่วนใหญ่” นายไพบูลย์ กล่าว

นายไพบูลย์ ย้ำว่า ร.อ.ธรรมนัส เรียกร้องในเรื่องที่พรรคไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เช่น เรื่องปรับโครงสร้างพรรคใหม่ ถ้าไม่ปรับจะเคลื่อนไหวต่างๆ ที่จะทำให้เกิดความเสียหายกับพรรค ไม่ได้พูดเรื่องเก้าอี้ ซึ่งเรื่องปรับโครงสร้างพรรคถือเป็นเรื่องร้ายแรง ตำแหน่งต่างๆ จะกระทบทั้งหมด ประเด็นนี้ ร.อ.ธรรมนัส บอกถ้าไม่ได้ก็ไม่ยอม ถือเป็นความขัดแย้งที่จะก่อให้เกิดความมั่นคงเสถียรภาพของพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นเหตุร้ายแรงแล้ว สรุปมติกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ ส.ส. มีความเห็นตามข้อบังคับของพรรคทุกประการ มันเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เราพยายามแก้ไขแล้ว การที่เรามีมติตามกฎหมายเพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้ จากนี้พรรคดำเนินการจัดเตรียมเอกสารส่งไปยัง กกต. การมีมติ ตามข้อกฎหมาย มีผลในวันที่มีมติ ทั้ง 21 คน เป็น ส.ส. แต่ต้องหาพรรคใหม่ ไม่เกิน 30 วัน ตาม รธน. ม. 101 (9) และระหว่างนี้หัวหน้าพรรคจะพิจารณาแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคคนใดคนหนึ่งมาทำหน้าที่เลขาธิการพรรคแทนไปก่อน

“มีมติให้พ้นหรือสิ้นสุดจากสมาชิกภาพพรรค เพราะไม่สามารถปฏิบัติตามได้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคอยากให้พรรคเป็นสถาบันทางการเมืองอย่างแท้จริง จะให้มีภาพลักษณ์แตกแยกทางการเมืองกันอย่างนี้ไม่ได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวหัวหน้าพรรคเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาไม่ได้โหวตร่วมด้วย เชื่อมั่นว่าตั้งแต่นี้ไปจะจบจริงๆ พรรคมีเอกภาพมั่นคงมากขึ้น เรายังเหลือ ส.ส.อีกกว่าร้อยคน และเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้มาเกี่ยวข้องด้วย” นายไพบูลย์ กล่าว

ส่วนความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ช่วงเช้าเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งที่ 2/2565 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนการประชุมผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ หลังพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นายกรัฐมนตรีปฏิเสธตอบคำถาม ได้แต่หันหน้ามามองกลุ่มผู้สื่อข่าวพร้อมเลิกคิ้วก่อนเดินเข้าห้องประชุม

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า