‘รุ้ง ปนัสยา’ ยื่นฟ้อง นายกฯ ร้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขอไต่สวนฉุกเฉินคุ้มครองชุมนุม 31 ต.ค.นี้

ความเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มราษฎร ยื่นฟ้อง นายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการทหารสูงสุด กรณีออกข้อกำหนดและประกาศจำกัดสิทธิเสรีภาพการชุมนุม พร้อมยื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินขอให้คุ้มครองชั่วคราว กรณีจัดชุมนุมวันที่ 31 ต.ค. นี้

วันที่ 29 ต.ค. 2564 ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, นายเสกสิทธิ์ แย้มสงวนศักดิ์ แกนนำกลุ่มราษฎรพร้อมทีมทนายจากภาคีฯ ยื่นฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กรณีออกข้อกำหนดและประกาศจำกัดสิทธิเสรีภาพการชุมนุม พร้อมทั้งยืนคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินขอให้คุ้มครองชั่วคราว ที่ทางกลุ่มราษฎรจะจัดม็อบ 31 ต.ค. 64

น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ขอให้ศาลรับคำร้องและขออนุญาตให้ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อออกคำสั่งคุ้มครอง ในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ที่จะมีการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ พร้อมฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.เฉลิมพล เพราะเราต้องการให้รับฟังเหตุผลของเราในฐานะประชาชน ที่จะออกมาใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง แต่ว่าตลอดมานั้น เมื่อเราประกาศจะชุมนุมอย่างสงบสันติ ทุก ๆ ครั้งจะมีการขัดขวางอยู่เสมอ และการขัดขวางไม่ได้ถูกรับรองโดยทางกฎหมาย เช่น การใช้ลวดหนาม การใช้ตู้คอนเทนเนอร์ ไม่มีการบัญญัติไว้ในสิ่งของที่ใช้ได้ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ประกอบกับอีกเพียงแค่ 3 วัน จะมีการเปิดประเทศแล้วทำไมถึงยังมีการห้ามการชุมนุม ทั้งคนทั่วไปออกมาใช้ชีวิตกันรวมตัวกันอย่างปกติ จึงคิดว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่มีเหตุจำเป็นอีกต่อไป เราคาดหวังจริง ๆ ว่ากระบวนการยุติธรรม จะเป็นการยุติธรรมกับประชาชนจริงๆ

เมื่อถามว่า อีกไม่กี่วันจะมีการเปิดประเทศทำไมถึงไม่รอให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นายเสกสิทธิ์ กล่าวว่า การเพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ผลไม่เท่ากับการยกเลิก การยกเลิกมีผลทางกฎหมาย ของคดีต่าง ๆ แต่ยังคงมีอยู่ ถ้าเกิดขอเพิกถอนว่า ข้อกำหนดนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ต้น จะทำให้คดีถูกเพิกถอนไป

เมื่อถามว่า มีประชาชนบางส่วนมองว่าการออกมาชุมนุมจะเป็นการแพร่ระบาดของโรค นั้น น.ส.ปนัสยาตอบว่า เราขอยืนยันว่าในทุก ๆ ครั้งที่มีการชุมนุมไม่เคยมีครั้งไหนที่จะเป็นการแพร่ระบาดของ โควิด-19 เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามประเด็นหลักการชุมนุมอยู่ที่การยกเลิก ม.112 และกฎหมายหมิ่นสถาบันทั้งระบบ ที่ต้องการยกเลิก ม.112 นั้นเพราะมาตรานี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อปิดปากผู้ที่ต้องการก็จะวิพากษ์วิจารณ์ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็สามารถโดนความผิด ม.112 ได้ทั้งหมด หากพูดหรือโพสต์อะไรถึงจะไม่เกี่ยวข้อง แต่ถ้ามีคนมองว่าเกี่ยวข้องก็สามารถโดนแจ้งผิดมาตรานี้ได้ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ากฎหมายนี้ ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองล้วน ๆ เราจึงคิดว่าการยกเลิกมาตรานี้คือสิ่งที่ดีที่สุด ในการคุ้มครองเสรีภาพของประชาชน