สภาเปิดอภิปรายทั่วไปวันที่ 2 ส.ส.เพื่อไทย อภิปรายปัญหายาเสพติด ระบุ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แก้ไขปัญหาล้มเหลวในทุกมิติ ทั้งการป้องกัน การปราบปราม และการฟื้นฟู ทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรม
การอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เริ่มเมื่อเวลา 09.00 น. โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
สำหรับการอภิปรายในช่วงเช้านั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายถึงการแก้ปัญหายาเสพติดที่ล้มเหลว ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ส.ส.มนพร เจริญศรี จากพรรคเพื่อไทย อภิปรายเป็นคนแรก ได้ระบุถึงงบประมาณการจัดการยาเสพติดปี 2566 ในแต่ละกระทรวง
โดยงบกระทรวงสาธารณสุข ที่ควรจะนำไปติดตามบำบัดผู้เสพในฐานะผู้ป่วย แต่กลับนำงบประมาณไปทำกัญชาเสรี
ในระหว่างการอภิปราย ส.ส.มนพร ได้ ยกต้นกัญชาขึ้นมา และระบุว่า “ชาวบ้านฝากมาบอกว่า ชาวบ้านไม่เอากัญชาเสรีค่ะ”
ขณะที่ ส.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส. หนองคาย พรรคเพื่อไทย ขึ้นอภิปรายต่อในเรื่องยาเสพติดเช่นกัน สรุปว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้แถลงนโยบายต่อสภาฯ ประกาศเรื่องยาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วนสำคัญ 1 ใน 12 ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ แต่ตลอดระยะเวลาของการบริหารประเทศโดย พล.อ.ประยุทธ์ ปัญหายาเสพติดล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งด้านป้องกัน ปราบปราม บำบัดฟื้นฟู
ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีผู้เสพในฐานะผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้น โดยกระทรวงยุติธรรม มีแนวทางลดทอนความเป็นอาชญากรรม เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ ทำให้ผู้เสพยาในฐานะผู้ป่วย ออกจากเรือนจำมาอยู่ในสังคมเพิ่มมากขึ้น แต่กลับถูกเติมปัญหาด้วยการปลดล็อคกัญชาซึ่งทำให้ ผู้เสพ ผู้ติด ในฐานะผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอีก
ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้จำนวนผู้ป่วยจิตเวชที่เกิดจากการใช้สารเสพติดเพิ่มสูงขึ้น แต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ กลับไม่มีระบบการบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพรองรับ
ด้าน ส.ส.จตุพร เจริญเชื้อ ส.ส. ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ได้นำคลิปข่าวเกี่ยวกับคนคลั่งยาเสพติด ในหลายๆ เหตุการณ์มาเปิด
พร้อมอภิปรายสรุปว่า ที่นำคลิปเหล่านี้มาเปิดเพื่อพยายามบอกไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ว่ายาเสพติดทุกวันนี้ มีปัญหารุนแรงมาก แต่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความสามารถในการแก้ไข ปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อ กลายเป็นปัญหาสังคมที่ใหญ่โตในขณะนี้ ซึ่งมีความล้มเหลวแก้ปัญหายาเสพติดในทุกมิติ ทั้งการป้องกัน การปราบปราม และการฟื้นฟู
ขณะที่งบประมาณบูรณาการการแก้ไขปัญหายาเสพติดลดลงทุกปี สวนทางกับปัญหาที่เพิ่มขึ้น เห็นได้ชัด ว่ารัฐบาลนี้ปล่อยปละละเลย เป็นการผลักดันให้ประชาชนเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สิน