‘พิพัฒน์’ เผย คนไทยเที่ยวนอก กลับประเทศเงื่อนไขเหมือนต่างชาติ สัปดาห์หน้า ชง ศบค. เปิดสถานบันเทิง เว้นกรุงเทพฯ

‘พิพัฒน์’ เตรียมเสนอ ศบค. สัปดาห์หน้า เปิด ‘สถานบันเทิง’ จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว ยกเว้นกรุงเทพฯ คาดเปิดประเทศแล้ว ประมาณเดือนธันวาคมถึงได้อานิสงส์เม็ดเงินเต็มๆ

พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (แฟ้มภาพ)

วันที่ 22 ต.ค. 2564 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย เรื่อง ‘เปิดประเทศ’ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. นี้ ว่า ขณะนี้มีการจองห้องพักในกระบี่ พังงา ภูเก็ต เข้ามามากแล้ว คาดว่า ในเดือนพฤศจิกายน จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเกิน 100,000 คน ขณะที่เดือนธันวาคม จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่ำกว่า 300,000 คน และเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ น่าจะเกินกว่าเดือนละ 500,000 คน

สำหรับนักท่องเที่ยวที่เราคาดหวัง คือ สวีเดน เดนมาร์ก นอร์เวย์ ฟินแลนด์ น่าจะมาเต็ม เพราะชาวต่างประเทศกลุ่มนี้ ส่วนหนึ่งจะเดินทางเข้ามาเพื่อรำลึกเหตุการณ์สึนามิ ส่วนกลุ่มที่เดินทางมามากเป็นประจำ ก็จะมี อังกฤษ สหรัฐอเมริกา อิตาลี ฝรั่งเศส รัสเซีย สวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนั้น ช่วงปลายปีถึงต้นปี จะมีนักกอล์ฟจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เข้ามาฝึกซ้อมกอล์ฟในประเทศไทย จำนวนมาก โดยเฉพาะนักกอล์ฟเยาวชน ที่แต่ละปีเข้ามาเป็นหมื่นคน

“เขามาแล้วจะปิดสนามกอล์ฟ ซึ่งในอดีตเราไม่ได้ซูมลงไปถึงตรงนั้น แต่จากการสำรวจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถึงได้รู้ว่านักกอล์ฟทั้งหลายที่เข้ามาช่วงปลายปีนี้เยอะมาก เพราะในเดือนพฤศจิกายน ธันวาคม มกราคม ในประเทศเขาไม่สามารถจะเล่นกอล์ฟได้เลย… เพราะฉะนั้นเยาวชนที่กำลังเติบโตเป็นนักกอล์ฟอาชีพเขาจะมาฝึกซ้อมในประเทศไทยเยอะกลุ่มนี้มีตัวเลขยอดจองมาแล้วในเชียงใหม่ สระบุรี นครนายก”

นายพิพัฒน์ กล่าวถึงการจำลองสถานการณ์เมื่อเปิดประเทศแล้วว่า ต้องจำลอง 2 รูปแบบ คือ ถ้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เมื่อติดเชื้อขึ้นมา เราจะทำอย่างไรกับเขา ซึ่งตรงนี้เราก็มีการเตรียม Hospital รับผู้ป่วยเกณฑ์สีเขียว  และโรงพยาบาลในระดับสีเหลืองและสีแดง ตรงนี้ไม่มีปัญหา เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติมีประกันโควิด ส่วนคนไทยที่กระเพื่อมหรือการติดเชื้อสูงขึ้น มาจากการท่องเที่ยวในประเทศ และสาเหตุการเปิดประเทศ ตนเชื่อว่า น่าจะมีการระบาดของโควิด-19 อีกครั้ง แต่ที่สำคัญ กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศออกมาแล้วว่า สิ้นเดือนพฤศจิกายน คนไทยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ น่าจะได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ขณะที่เดือนธันวาคม จะฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดส และหลังจากนั้นมีการเตรียมการเรื่องวัคซีนเรียบร้อย อีกทั้งนายกฯ ยังสั่งกระทรวงมหาดไทย ให้แจ้งไปยังผู้ว่าราชการทุกจังหวัดให้เตรียมโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมไว้ คิดว่า ขณะนี้หลายจังหวัดพร้อมอยู่แล้ว ส่วนถ้าหากติดมากจริงๆ เราจะเอาบุคลากรที่ไหนมานั้น ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้หารือกับ รพ.สต. และอสม. ฝึกอบรม รับมือกรณีมีการติดเชื้อหนักเกินกว่าวันละ 2 หมื่นคน แต่ถ้าได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว การที่จะมีอาการป่วยขั้นเป็นสีแดง หรือป่วยหนักขั้นเสียชีวิต น่าจะมีปริมาณน้อยลง

นายพิพัฒน์ ตอบรับว่าการเปิดประเทศรวมถึงกรณีคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวใน 45 ประเทศ และ 1  เขตบริหารพิเศษ กลับมาก็ไม่ต้องกักตัวเช่นกัน คิดว่าเป็นการปลดล็อกทั้งสองทาง แต่ว่าการจะเดินทางไปท่องเที่ยว ไม่ใช่ไปแล้วจะไม่ต้องกักตัว ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของประเทศนั้นๆ ด้วย อย่างเช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา สวีเดน เดนมาร์ก ฟินแลนด์ นอร์เวย์ ฝรั่งเศส ไม่ต้องกักตัว แต่กรณีจีน หรือฮ่องกง เป็นไปไม่ได้ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ก็ยังไม่ได้ ต้องกักตัว

ส่วนกรณี เมืองเชียงใหม่ ที่อยู่ในลิสต์เป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวด้วย แต่ขณะนี้ยังต้องปิด 3 ตลาดสำคัญ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์ หากเอาไม่อยู่ ก็ต้องแนะนำนักท่องเที่ยวให้เข้าไปจองห้องพักใน อ.แม่ริม แม่แตง และดอยเต่าแทน หลีกเลี่ยง อ.เมือง แต่ความจริง นักท่องเที่ยวกับคนในพื้นที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ยกตัวอย่าง ภูเก็ต มีผู้ติดเชื้อทุกวัน วันละ 100-200 คน เป็นเวลากว่า 2 เดือน แต่ก็ไม่มีผลปรากฏว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้รับเชื้อโควิด-19 จากคนไทย เป็นการแยกกันชัดเจน แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการ พนักงานเสิร์ฟ พนักงานในโรงแรม พนักงานต้อนรับ ต้องได้รับวัคซีน 100 เปอร์เซ็นต์

กรณียกเลิกเคอริฟิว แต่ในกรุงเทพฯ แต่ที่ยังไม่ให้เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ นายพิพัฒน์ บอกว่า ก็มีส่วนอย่างในกรุงเทพฯ คือเมืองหลัก แต่ในต่างจังหวัด กรณีของ เชียงใหม่ พัทยา เกาะสมุย ภูเก็ต กระบี่ พังงา คงจะต้องนำเข้าหารือใน ที่ประชุมศบค. อีกครั้งหนึ่งว่า เฉพาะเป็นแหล่งท่องเที่ยว ในยามค่ำคืน เฉพาะนักท่องเที่ยว ชาวต่างประเทศ จะขอว่า  เปิดได้หรือไม่ ให้เลยเที่ยงคืน อาจจะตี 1 หรือ ตี 2 ตามเกณฑ์ที่เคยได้ปฏิบัติมา

“ผมคิดว่า การที่เราจะเอาเงินจากกระเป๋าเขา มันก็ต้องทำให้เขารู้สึกสะดวก สบาย และมีความมันส์ มีความสนุก ซึ่งก็ธรรมดาครับ คนที่มาเที่ยว ไม่ใช่ว่าใครหรือเรา”

“ผมจะพยายามนำเสนอ ศบค. ในสัปดาห์หน้า คงต้องไปทำความเข้าใจกับ ศบค. ว่า ส่วนนี้คือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งไม่ใช่ นักท่องเที่ยวหรือเยาวชนของเรา ซึ่งผมจะไม่พูดถึงกรุงเทพฯ เพราะกรุงเทพฯ เป็นอะไรที่ค่อนข้างที่จะควบคุม (Control) ได้ยาก ต่างจังหวัดจะมีโซนของเขา ซึ่งน่าจะง่ายกว่า”

นายพิพัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จากนี้จะมีข้อปฏิบัติสำหรับพื้นนำร่องการท่องเที่ยว ที่เรียกว่า พื้นที่สีฟ้า หรือบลูโซน (Blue Zone) แยกออกอีกครั้งว่า

ที่มา