‘พิธา’ ยืนยัน พรรคก้าวไกล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องปมคลิปเสียงคดี ‘อดีตรองหัวหน้าพรรค’

‘พิธา’ ยืนยัน พรรคก้าวไกล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องปมคลิปเสียงคดี ‘อดีตรองหัวหน้าพรรค’

วันที่ 19 เม.ย. 2565 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตอบกรณีมีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาของนักการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งมีการระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเกมการเมืองของพรรคก้าวไกลว่า ยืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางเรื่องนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ เป็นคดีอาชญากรรมร้ายเเรง ไม่ควรถูกลดทอนให้เป็นเรื่องการกลั่นแกล้งระหว่างพรรคการเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะฟ้องกลับที่ทำให้พรรคเสียหายหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คงไม่เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพในการพูด ซึ่งตนในการยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งการดึงให้เรื่องนี้เป็นการเมืองก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นนักการเมืองต้องเข้าใจ ชี้แจงให้ไว และสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ

“เป็นคดีอาชญากรรมใหญ่ที่มีผู้เสียหายเยอะ คิดว่าสังคมควรที่จะโฟกัสไปกับการดูแลผู้เสียหาย และการที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมไม่ซ้ำเติมผู้ที่เสียหายน่าจะเป็นสิ่งสำคัญ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้เวลา 13.00 น. นายพิธา พร้อมด้วย น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ผู้อภิปรายงบส่วนราชการในพระองค์ และทีมกฎหมายพรรคก้าวไกล เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ศูนย์ราชการเเจ้งวัฒนะ เพื่อเข้าชี้เเจงต่อคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ประเด็นที่มีผู้ยื่นคำร้อง กล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์และการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 92(2) เป็นปฏิปักษ์การปกครองฯ จากกรณี ส.ส. พรรคก้าวไกล อภิปรายงบประมาณสถาบันฯ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 2565

โดยนายพิธา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่กังวลในข้อกล่าวหานี้ เนื่องจากส่วนราชการในพระองค์ เป็นหน่วยรับงบประมาณเหมือนหน่วยงานอื่นๆ ตามพระราชบัญญัติวิธีงบประมาณ พ.ศ.2561 ตามมาตรา 4 ซึ่งจัดอยู่ในส่วนราชการที่ถูกเรียกให้มาชี้เเจงในการขอรับงบประมาณจากสภาผู้แทนราษฎร เป็นหน้าที่ของส.ส.ที่มีหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณ เพื่อความโปร่งใสเเละประสิทธิภาพจากการใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชน และเป็นการดำรงพระราชสถานะของพระมหากษัตริย์ ที่อยู่เหนือการเมือง ใต้รัฐธรรมนูญ

“การใช้การอภิปรายงบสถาบันเป็นข้ออ้างนำไปสู่การยุบพรรคก้าวไกล เป็นการปิดกั้นอำนาจหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนของประชาชน นี่คือการตรวจสอบงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชน เราในฐานะผู้แทนราษฎร เรามีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติอย่างเต็มที่” นายพิธา กล่าว

ขณะที่ น.ส.เบญจา กล่าวว่า การตรวจสอบงบประมาณเป็นหน้าที่ของผู้แทนราษฎร ยืนยันว่า ตนไม่ได้ทำผิดตามคำร้องที่กล่าวหาว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่เป็นการทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎร เพื่อเคียงข้างประชาชน ยืนหยัดพิทักษ์เม็ดเงินภาษีประชาชน